13 ตุลาคม 2564 วันคล้ายวันเสด็จสวรรคต น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13  ตุลาคม 2559 นำมาซึ่งความโศกเศร้าอาดูรเสียใจอาลัยรัก เทิดทูนของปวงประชาชนคนไทยทั่วประเทศและที่พำนักอาศัยในต่างแดน อย่างยากที่จะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือได้ หลายต่อหลายคนในช่วงเวลารู้ข่าวการเสด็จสวรรคตนั้นเมื่อถามไถ่พูดคุยพูดกันคำพูดออกแทบไม่เป็นประโยคกระอึกกระอักด้วยก้อนสะอื้นจุกอยู่ในลำคอด้วยความอาดูร  มีแต่น้ำตาพร่างพรูไหลออกมาอาบสองแก้มนองหน้า อีกไม่น้อยเอาแต่กอดกันหลั่งน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นปานประหนึ่งจะขาดใจเสียให้ได้ 

กาลเวลาผ่านไปจากวันที่คนไทยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศชาติคือผู้ที่คนทั้งแผ่นดินเคารพรักเทิดทูนเชิดชูบูชา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐในฐานะพ่อของแผ่นดิน วันนี้คนไทยทุกคนก็ยังคงน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านมิส่างซา ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยมิได้ทรงรู้เหน็ดเหนื่อย  มิทรงคำนึงถึงความสำราญส่วนพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนแห่งไม่ว่าจะต้องทรงปีนเขา บุกป่า ลุยน้ำ กรำแดดฝน ก็มิทรงย่อท้อยากลำบากแค่ไหนก็เสด็จฯไปเมื่อทรงทราบว่าราษฎรของพระองค์ทุกข์ยากลำบากขาดแคลนเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ เพื่อที่จะทรงสร้างประโยชน์สุขดับทุกข์เข็ญให้แก่ประชาชนที่ทรงห่วงใยที่ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่าคือลูกๆของพระองค์นั่นเอง

ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างนี้ต่อเนื่องนับ 70 ปี ตั้งแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชตราบเสด็จสวรรคต

วันเวลาผ่านไปวันนี้วันที่ 13 ตุลาคม 2564 วันคล้ายวันเสด็จสวรรคตเวียนมาบรรจบอีกวาระ คนไทยทุกคนเมื่อน้อมรำลึกถึงพูดคุยถามความรู้สึกกันก็ยังคงอยู่ในอากัปกิริยาโศกเศร้าอาลัยด้วยทุกคนรู้สึกอย่างเดียวกันว่าทรงสถิตย์อยู่ในใจมิได้เสด็จจากไปไหนเลย เอ่ยพระนามในหลวงรัชกาลที่ น้ำตาคลอเบ้าปริ่มจะหยดย้อยลงมาเสียให้ได้ทุกครั้ง  ขณะที่หลายคนน้ำในไหลหยดออกจากเบ้าตาแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำน้ำตาไหลพรากย้อยผ่านร่องแก้มออกมาตั้งแต่ตอนไหน   

แม้วันนี้เสด็จสวรรคต 5 ปีแล้ว  คนไทยทั้งประเทศก็ยังไม่ส่างความอาลัยรำลึกถึงด้วยความรักความเทิดทูนบูชา และยังน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ตลอดเวลา 70 ทรงงานหนักเพื่อให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอยู่ดีมีสุขอย่างพออยู่พอกินพึ่งพาตนเองได้ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชไว้ทั่วทุกภูมิภาคเป็นต้นแบบที่จะน้อมไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพในพื้นที่ของตนเองได้ ทั้งแบบอย่างการใช้ทรัพยากรป่า ทรัพยากรน้ำและทรัพยากรดินโดยเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยกันรวมแล้วเกินกว่า 4,500 โครงการ  

ด้วยพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว คนไทยทุกคนน่าจะพูดออกมาจากความรู้สึกตรงกันว่า พระองค์ทรงเป็นดั่งพ่อและเป็นพ่อที่ทรงงานหนักที่สุดในโลกเพื่อลูกๆ คนไทยจะหาพ่อคนใดเสมอเหมือนมิมีอีกแล้ว เพื่อลูกอยู่ดีพออยู่พอกินพอเพียง ประเทศชาติเจริญงอกงามตามวิถีดีงามแห่งวัฒนธรรมประเพณีไทยนำมาซึ่งความสุขสงบอย่างยั่งยืน  ด้วยเพราะดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่ทรงเป็นอย่างรวมถึงได้พระราชทานหลักคิดให้ไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันคือหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านหลักการทรงงานที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างหนักหน่วงด้วยพระราชปณิธานสร้างประโยชน์สุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า 

ถึงจะยังเศร้าโศกอาลัยแต่วันนี้คนไทยได้เปลี่ยนความโศกเศร้าอาลัยโทมนัส ให้กลับกลายเป็นพลังตั้งหัวใจสืบสานพระราชปณิธาน  มุ่งมั่นปฏิบัติตนโดยการทำความดี น้อมนำหลักการดำเนินชีวิตปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานเป็นเครื่องมือพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นเครื่องมือพัฒนาสังคมชาติบ้านเมือง เป็นคนไทยที่ประสานพลังของจิตอาสาช่วยเหลือกันและกันทั้งประเทศ สามัคคีกันไม่ทะเลาะกัน ไม่แก่งแย่งกันด้วยความโลภ ความโกรธและความหลง   พึ่งพาอาศัยแบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้อภัยกันด้วยเมตตารักใคร่กัน อันเป็นเครื่องแสดงออกถึงการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

              โอกาสวันที่ 13 ตุลาคม 2564 วันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ข้าพระพุทธเจ้าผู้บริหารสำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ในนามปวงพสกนิกรชาวไทยร้อยรวมดวงใจสืบสานพระราชปณิธานตั้งมั่นในความรักความสามัคคีกันในการประกอบความดีงามรวมพลังสร้างความสุขสงบเจริญรุ่งเรืองให้สังคมชาติบ้านเมือง ให้ชุมชน ให้ครอบครัว ดำรงมั่นในวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามเป็นแบบอย่างความเป็นคนดีของบ้านเมืองถวายเป็นพระราชกุศลด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้