อว.เผยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของไทย ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2564 แล้ว 70,505,802 โดส และทั่วโลก 6,862 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 492.8 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด 107.4%
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 เกี่ยวกับข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,862 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 414 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 191 ล้านคน ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 492.8 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 181.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 70,505,802 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.07%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,862 ล้านโดสนี้ อว.รายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1.ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 70,505,802 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 39,999,692 โดส (60.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 28,372,531 โดส (42.9% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,133,579 โดส (3.2% ของประชากร)
2.อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-25 ต.ค.64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 70,505,802 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 226,178 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 689,715 โดส/วัน)
3.อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,544,779 โดส
- เข็มที่ 2 3,523,606 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,620,507 โดส
- เข็มที่ 2 19,118,990 โดส
- เข็มที่ 3 1,625,420 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,518,606 โดส
- เข็มที่ 2 5,172,948 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,315,800 โดส
- เข็มที่ 2 556,987 โดส
- เข็มที่ 3 508,159 โดส
4.การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.6% เข็มที่2 120.3% เข็มที่3 92.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 58.5% เข็มที่3 12.5%
- อสม เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 68.4% เข็มที่3 9.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 66.6% เข็มที่1 52.3% เข็มที่3 2.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 52.9% เข็มที่2 36.1% เข็มที่3 2.1%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 51.9% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.3% เข็มที่2 10.9% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 35.7% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 39.4% เข็มที่3 3%
5.เปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1.กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 107.4% เข็มที่2 74.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81% เข็มที่2 59.5%
2.ภูเก็ต เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 77% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 68.8%
3.ชลบุรี เข็มที่1 79.3% เข็มที่2 61.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 63.2%
4.สมุทรปราการ เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 55.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.5% เข็มที่2 75.1%
5.พังงา เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 52.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72% เข็มที่2 65%
6.ระนอง เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 69.1%
7.กระบี่ เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 34.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 56.4%
8.เพชรบุรี เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 44.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 54.4%
9.ระยอง เข็มที่1 57.7% เข็มที่2 42% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 51.8%
10.เชียงใหม่ เข็มที่1 57.3% เข็มที่2 38.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.5% เข็มที่2 55.3%
11.ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 43.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 58.8%
12.บุรีรัมย์ เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 38.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.4% เข็มที่2 47.4%
13.ตราด เข็มที่1 53.2% เข็มที่2 38.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 55.6%
14.สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 49.2% เข็มที่2 39.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 59.3%
15.เลย เข็มที่1 45.6% เข็มที่2 29.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 45.4%
16.หนองคาย เข็มที่1 45.4% เข็มที่2 30.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 47.3%
17.อุดรธานี เข็มที่1 45%เข็มที่2 29.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 59.1%
รวม เข็มที่1 76.2% เข็มที่2 54.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 58.6%
6.ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 492,874,248 โดส ได้แก่
1.อินโดนีเซีย จำนวน 181,688,388 โดส (41.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2.เวียดนาม จำนวน 72,929,311 โดส (53.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3.ไทย จำนวน 70,505,802โดส (60.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4.ฟิลิปปินส์ จำนวน 55,715,693 โดส (27.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5.มาเลเซีย จำนวน 49,069,291 (77.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6.กัมพูชา จำนวน 28,362,944 โดส (80.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7.พม่า จำนวน 18,089,109 โดส (22.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8.สิงคโปร์ จำนวน 9,989,540 โดส (78.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9.ลาว จำนวน 5,931,557 โดส (43.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10.บรูไน จำนวน 592,613 โดส (79.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7.จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1.เอเชียและตะวันออกกลาง 68.98%
2.ยุโรป 10.83%
3.อเมริกาเหนือ 9.61%
4.ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5.แอฟริกา 2.68%
6.โอเชียเนีย 0.62%
8.ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1.จีน จำนวน 2,240.55 ล้านโดส (80% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2.อินเดีย จำนวน 1,023.09 ล้านโดส (37.4%)
3.สหรัฐอเมริกา จำนวน 413.65 ล้านโดส (64.5%)
4.บราซิล จำนวน 268.20 ล้านโดส (64.8%)
5.ญี่ปุ่น จำนวน 183.34 ล้านโดส (72.6%)
9.ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1.คิวบา (111.1%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2.มัลดีฟส์ (100.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4.อุรุกวัย (93%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5.บาห์เรน (92.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6.ชิลี (91.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7.อิสราเอล (87.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8.กาตาร์ (86.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9.กัมพูชา (80.8%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10.จีน (80%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)