วันที่ 9 เมษายน 2565 เวลา 17.09 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ไปทรงวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และทรงหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ส่วนพระเศียร) ในพระอิริยาบถต่าง ๆ ณ ลานอิสรภาพ ๑๐๙ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ลานอิสรภาพ ๑๐ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังบริเวณลานอิสรภาพ ๑๐๙ ที่จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ที่นั้น นางสาวเอกรัตน์ นาคาคง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายถวัลย์ เมืองช้าง ประธานโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
ต่อจากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ ถวายศีล จบ นางสาวเอกรัตน์ นาคาคง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กราบบังคมทูล รายงานการดำเนินงานโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ และทรงหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ส่วนพระเศียร) ในพระอิริยาบถต่าง ๆ เสร็จแล้ว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในหลุมศิลาฤกษ์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีเททอง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมบราชินี ทรงรับแผ่นทอง นาก เงิน แล้วทรงหย่อนลงในช้อนที่เจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย ทรงเทแผ่นทอง นาก เงิน ลงในเบ้า เสร็จแล้ว ทรงถือสายสูตรเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ส่วนพระเศียร) ในพระอิริยาบถต่าง ๆ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ หลั่งน้ำเทพมนตร์ เจิม วางใบมะตูมที่หุ่นพระบรมรูป สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จากนั้น นายศักดิ์ดา บรรดาศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ
เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปทอดพระเนตรนิทรรศการโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ซึ่งจัดแสดงแบบจำลองภูมิทัศน์โครงการจัดสร้างฯ ความสำคัญและความเป็นมาของโครงการฯ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในพระอิริยาบถต่างๆ ขั้นตอนการจัดสร้างและกำหนดแล้วเสร็จของโครงการจัดสร้าง ฯ
ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ที่เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง ต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ด้วยความจงรักภักดี ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินผ่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์และทรงแย้มพระสรวล ราษฎรต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี
ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง รวมกับสาธารณสุขและโรงพยาบาลในพื้นที่ดูแลสุขภาพอนามัยกับมอบพิมเสนน้ำและผ้าเย็นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด เสร็จแล้ว ผู้แทนคณะกรรมการโครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ลานอิสรภาพ ๑๐๙ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
โครงการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกอบด้วยพระบรมรูปสร้างด้วยโลหะสำริดนอก (BRONZE) จำนวน ๔ องค์ ในพระอิริยาบถทรงยืนหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร ขนาดความสูง ๑๐๙ เมตร พระอิริยาบถทรงยืนหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร ขนาดความสูง ๑๕.๔๐ เมตร พระอิริยาบถทรงแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง ขนาดความสูง ๑๕.๔๐ เมตร และในพระอิริยาบถทรงพระแสงของ้าวกระทำยุทธหัตถี ขนาดความสูง ๑๕.๔๐ เมตร ณ ลานอิสรภาพ ๑๐๙ ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
โดยโครงการ ฯ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๐๐ ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อาคารสำนักงาน หอประติมากรรม พิพิธภัณฑ์ หอพระพุทธรูป อาคารเอนกประสงค์ และสวนประติมากรรม ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดอ่างทอง และเป็นแหล่งส่งเสริมการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่จริงให้แก่ประชาชนชาวไทย ตั้งแต่รุ่นปัจจุบันสืบทอดไปสู่อนุชนรุ่นต่อไป ให้เกิดความรักชาติและความภาคภูมิใจในเกียรติประวัติ และเกียรติภูมิของประเทศชาติสืบไป