ตามไปดู! วช.เปิดเวทีเยาวชนนักประดิษฐ์ ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนแปรอักษร

 

ตามไปดู! วช.เปิดเวทีเยาวชนนักประดิษฐ์ 

ถ่ายทอดเทคโนโลยี "โดรนแปรอักษร"

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ จัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม “การอบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนแปรอักษรเพื่อประยุกต์สู่การใช้งาน” ครั้งที่ 1 ช่วงวันที่ 3-5 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับ “โดรนแปรอักษร” และการพัฒนาซอฟแวร์โดรนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้งาน ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรม และนวัตกร ที่จะนำองค์ความรู้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน (Drone) ที่ได้รับมาพัฒนาต่อยอดและปรับใช้กับการทำงานในด้านต่าง ๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในภาคกลาง

โดยเป็นการอบรมบ่มเพาะเชิงบูรณาการ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติและลงมือทำในสิ่งต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมจริง ได้ฝึกคิด ฝึกทำ ฝึกทักษะ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองผ่านกิจกรรม “โดรนแปรอักษร”

มี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมฯ และมีพลอากาศตรี สรรพชัย ศิลานิล รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ ร่วมด้วยนาวาอากาศเอก รณชิต วิจิตร นายทหารปฏิบัติการประจำกรมกำลังพลทหารอากาศ ช่วยราชการศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ และผู้ทรงคุณวุฒิ วช. เข้าร่วมในพิธีเปิดการอบรมฯด้วย

และหลังพิธีเปิดกิจกรรมฯได้มีการโชว์บินโดรนแปรอักษร จำนวน 300 ลำด้วย

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ วช.ให้ข้อมูลว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม “การอบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนแปรอักษรเพื่อประยุกต์สู่การใช้งาน” ครั้งที่ 1 เป็นภารกิจที่สำคัญของ วช. ภายใต้กระทรวง อว. ในการพัฒนานักประดิษฐ์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับประดิษฐ์กรรมและงานวิจัย

ส่วนงานนี้คือการบ่มเพาะตั้งแต่ระดับเยาวชน ซึ่ง วช.ได้จัดกิจกรรมลักษณะนี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงฝึกอบรมให้เข้าใจในเรื่องของโดรน ตอนนี้เรื่องของโดรนแปรอักษรเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการตอบรับและได้รับความสนใจจากภาครัฐ และภาคประชาชนเป็นอย่างมาก

ในฐานความรู้ของเยาวชนจะมีการบ่มเพาะและส่งเสริมตั้งแต่ในช่วงของการเริ่มต้น และหลังจากการอบรมก็จะสามารถต่อยอดเข้าสู่วิทยาการในระดับสถาบันการศึกษาที่สูงขึ้นต่อไป ในอนาคตจะมีการสร้างแรงจูงใจ สร้างสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้เยาวชนมีความสนใจกับเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาบ่มเพาะได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่การประเมิน การวิเคราะห์ การเขียนซอฟแวร์ การเขียนโปรแกรม

"ภายหลังจากการอบรม วช.จะมีเวทีให้เยาวชนที่ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ในการไปจัดกิจกรรมและร่วมออกแบบซอฟแวร์ที่จะแปรอักษรในพื้นที่ต่าง ๆ โดย วช.ได้ให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ โดยการจัดอบรมในภาคกลางครอบคุมพื้นที่ประมาณ 18 ถึง 20 จังหวัด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 และยังจะจัดขึ้นอีก 3 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง"

ดร.วิภารัตน์กล่าวดด้วยว่า วช.หวังว่า จะมีเยาวชนที่เข้าสู่กิจกรรมในระดับตั้งแต่มัธยม ระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา ที่จะมีความรู้ ความสามารถ มีความเข้าใจในการเขียนซอฟแวร์พัฒนาการแปรอักษรในการใช้โดรนเข้าร่วมในอนาคต ถือเป็นการพัฒนาและสร้างกำลังคนตั้งแต่ระดับขั้นต้น ในขั้นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

"และก็หวังว่า เยาวชนเหล่านี้จะต่อยอดในการที่จะเป็นนักเทคโนโลยีที่มีความสามารถในเรื่องโดรนต่อไปในอนาคต"

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ได้รับการสนับสนุนทุนอุดหนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมจาก วช. เพื่อให้พัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ให้เกิดการสร้างนวัตกรรมที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับโดรน (Drone) ในประเทศไทย ที่ประสบผลสำเร็จในการคิดค้นและพัฒนาซอฟต์แวร์การสั่งงาน “โดรนแปรอักษร” ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

กล่าวได้ว่าเป็น “โดรนแปรอักษร” ฝีมือคนไทย และเป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวในอาเซียน และ 1 ใน 9 ของโลก เป็นการยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโลโลยีที่ทัดเทียมหรือเทียบเท่ากับต่างประเทศ การอบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดรนแปรอักษรเพื่อประยุกต์สู่การใช้งาน

ทั้งนี้ จะจัดการอบรมในภาคกลาง จำนวน 4 ครั้ง ที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเพชรบุรี อบรมครั้งละ 50 คน รวมจำนวนผู้เข้าอบรมรวมทั้งสิ้น 200 คน

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)