โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริความหวังของชาวต.ห้วยกระเจาพัฒนาคุณภาพชีวิต

โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริความหวังของชาวต.ห้วยกระเจาพัฒนาคุณภาพชีวิต  

“...ต้องมีน้ำบริโภค  น้ำใช้  น้ำเพื่อการเพาะปลูก  เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น  ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้  ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้  แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้...

                                   พระราชดำรัสเมื่อวันที่  17 มีนาคม  2529

                                         ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

          พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร นับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ตราบเสด็จสวรรคต  ทรงครองราชย์ยาวนานถึง  70  ปี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศไทย  ทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกร ตรัสถามถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่  รวมถึงได้ทอดพระเนตรเห็นการดำเนินชีวิต สภาพแวดล้อม ภูมิประเทศของแต่ละท้องถิ่น  ทำให้ทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า ราษฎรของพระองค์ที่ประสบความทุกข์ความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต หลักใหญ่คือขาดปัจจัยแห่งชีวิตคือ น้ำ

          จึงได้ทรงทุ่มเทพระองค์สร้าง พัฒนาแหล่งน้ำในหลากหลายรูปแบบในพื้นถิ่นมากมายทั่วทั้งประเทศ  เพื่อกักเก็บน้ำอันเป็นปัจจัยสำคัญแห่งการก่อประโยชน์สุข พระราชทานไว้ให้เป็นมรดกแก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ใช้ประโยชน์ เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าแล้งที่มักขาดแคลนน้ำ  รวมถึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ตระหนักถึงความสำคัญถึงคุณค่าของน้ำ ชีวิตอยู่ที่นั่นน้ำจึงมีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องมี  เพื่อสรรพชีวิตได้ใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อดำรงชีพมีความสุขอย่างยั่งยืนตามวิถีแห่งความพอเพียง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10  ทรงตั้งพระราชหฤทัยสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชปณิธาน ดังพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ความว่า เราจะสืบสาน  รักษา  และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชดำริ ได้พระราชทานแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกเป็นจำนวนมาก  รวมถึงทรงรับโครงการแหล่งน้ำที่ราฎรถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย  ตลอดจนทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พัฒนาโครงการแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ดำเนินการครั้งดำรงพระอิสสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  สยามมกุฎราชกุมาร ให้มีศักยภาพสร้างประโยชน์แก่ราษฎรได้อย่างเต็มที่ เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพปัจจุบัน ทั้งนี้ด้วยทรงมุ่งสร้างประโยชน์สุขอย่างยั่งยืนแก่ราษฎร อันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงตั้งพระราชหฤทัยสืบสาน  รักษาและต่อยอดพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร ทรงรับโครงการแหล่งน้ำที่ราษฎรถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือมาหมายหลายแห่งทั่วทุกภูมิภาค อย่างเช่นโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ สนองพระมหากรุณาธิคุณ ลงพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี รับฟังบรรยายสรุปความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการฯ จากผู้แทนกรมชลประทาน รวมถึงผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานและประโยชน์อันเกิดจากการพัฒนาแหล่งน้ำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่จะเกิดแก่ประชาชนในพื้นที่ภายหลังจากโครงการฯ แล้วเสร็จ

มีชาวชุมชนในนามตัวแทนราษฎรตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา ได้กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรด้วยความปลาบปลื้มและมีความหวัง

ในช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะลงพื้นเยี่ยมชมสภาพพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฯ พร้อมรับฟังสรุปแนวทางการก่อสร้างโครงการฯ  โดยเมื่อโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดฯ แล้วเสร็จ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรของราษฎรตำบลห้วยกระเจา และพื้นที่บริเวณใกล้เคียง มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี  จากนั้นองคมนตรีและคณะร่วมปล่อยพันธุ์ปลาสร้อยขาว บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองนาทะเล ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฯ เพื่อเป็นการขยายพันธุ์ปลาและเป็นแหล่งอาหารให้แก่ราษฎรในพื้นที่ต่อไป

นายประคูณ สาระศาลิน  บ้านเลขที่ 35 ม. 15 ต. ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ. กาญจบุรี  เป็นบุตรชายนายประโคม สาระศาลิน  ผู้ถวายฎีกา  ที่ร่วมต้อนรับองคมนตรีและคณะ  ณ โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำหนองหญ้ากาดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจากล่าวถึงความรู้สึกว่า

 

“ผมอยู่ตำบลห้วยกระเจา หมู่ 15 ตั้งแต่ปี 57- 58 ที่ตำบลประสบปัญหาภัยแล้งอย่างมาก แหล่งน้ำที่ผลิตน้ำประปาหมู่บ้านแห้งขอด จนชาวบ้านไม่มีน้ำดื่ม น้ำใช้กัน ต้องไปซื้อน้ำจากหมู่บ้านข้างเคียง บางคนก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก บางคนไม่มีรถยนต์ค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวก็ร้อยกว่าบาท  บางคนรับจ้างรายวันวันนึงก็ไม่เกิน 300 บาท ผมเองทำงานอยู่ที่อื่นแต่ว่าที่บ้านก็ประสบปัญหาด้วย  จึงปรึกษาพูดคุยกับพ่อว่า เราน่าจะคิดถึงในหลวงดีกว่า เพราะว่าส่วนราชการเองเค้าก็มาช่วยเต็มที่ แต่ว่าปัญหาเรื่องน้ำต้องไปซื้อน้ำจากอำเภออื่นมาแจกจ่าย ชาวบ้านก็ได้ไม่ทั่วถึง จึงขอนึกถึงพ่อหลวง สมัยนั้นก็ยังเป็นในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่  ได้ติดตามหน่วยงานโครงการราชการ แต่เดี๋ยวนี้ก็รองบประมาณในการช่วยเหลือ ก็รอมา 6 ปี ตอนนี้มาได้รับหนังสือจากสำนักพระราชวัง ว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงรับโครงการที่พ่อในนามชาวห้วยกระเจาทำถวายฎีกาไปเป็นโครงการพระราชดำริแล้ว ทางผมและชาวบ้านในตำบลนี้ก็รู้สึกปลาบปลื้ม ดีใจเป็นอย่างมาก  เพราะว่าชั่วลูกชั่วหลานเราไม่เคยมี ที่จะได้น้ำใช้แบบนี้เลยก็ดีใจมากที่ท่านทรงรับโครงการเอาไว้”

นายประคูณ สาระศาลิน   บอกว่า ส่วนใหญ่คนแถวนี้มีอาชีพทำนาเป็นหลัก คือรอนาปีอย่างเดียว บางปีอาจมีทำสองสามรอบแต่ก็ไม่ได้เลย ต้องไถใหม่ทำใหม่รอน้ำฝนอย่างเดียว ก็มีปลูกอ้อยบ้าง มันสำปะหลังบ้าง จะปลูกเป็นพืชที่ทนแล้ง ถ้ามีน้ำใช้ก็อาจจะปลูกผักอย่างอื่นได้ เพราะชาวบ้านทุกวันนี้ว่างงาน  ที่มีอะไรทำบ้างส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงวัว ซื้อแพะมาเลี้ยงพอถึงปัญหาภัยแล้งก็ไม่มีน้ำกิน เราก็ต้องพึ่งพาตนเอง บางคนพอมีทุนทรัพย์ก็เจาะบาดาลเอง แต่พอเจาะเองศักยภาพการเจาะก็คือไม่เหมือนหน่วยงานราชการ ก็คือเจาะได้ก็พอใช้ในครัวเรือน แต่อย่างหมู่ที่ 15 เจาะน้ำไม่ออก ส่วนราชการอื่นเข้าไปช่วยเหลือหลายครั้งก็ไม่ออก แต่ชาวบ้านก็เป็นหนี้เป็นสินจาก ธกส. ก็ไม่มีจะให้เค้า เพราะว่าการเกษตรเราไม่แน่นอน ไม่ได้ทำงานเกษตรก็เลยไม่มีเงินจ่ายธกส. ไม่มีน้ำ ทำอะไรก็ไม่ได้

นายประคูณบอกย้ำว่ารู้สึกขอบคุณในหลวง ในหลวงเป็นเทวดามาโปรดต่อไปนี้เราก็จะสบาย ตอนนี้มีความหวังแล้วว่าชีวิตจะดีขึ้น

“ขอกราบพ่อหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับโครงการที่ข้าพเจ้าได้เคยถวายฎีกาไปทำให้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากได้ แล้วก็ขอสัญญาว่าจะดูแลโครงการให้ดีที่สุด” นายประคูณ สาระศาลิน  กล่าวสีหน้าบอกถึงความปลื้มปิติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

สกู๊ปพิเศษ/เสกสรร  สิทธาคม-เรียบเรียง

กองประชาสัมพันธ์สำนักงาน กปร./ข้อมูล-ภาพ