สุรวาท ทองบุ
กมธ.สภาฯผลักดัน!เยียวยาเงินเดือนที่เหลื่อมล้ำ 8% ของอาจารย์และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา
รศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ ได้มีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้ากรณีปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาดังนี้
ในการประชุมของคณะทำงานแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ ได้พิจารณาเสนอแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา โดยแบ่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาเป็น ๓ กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ ๑ ให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ ได้รับการเยียวยาตามมาตรา ๘/๑ ของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๖๒ ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๗,๖๐๐ คน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เป็นลำดับแรก เนื่องจากใช้งบประมาณไม่มาก และเป็นไปตามกฎหมาย
หลังจากนั้นจะพิจารณากลุ่มที่ ๒ ในการเยียวยาให้กับข้าราชการที่ได้รับปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนฯตั้งแต่ปี ๒๕๕๔–๒๕๖๒ โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และจะพิจารณากลุ่มที่ ๓ ข้าราชการพลเรือนสายสนับสนุน ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ คน ตามลำดับต่อมา
ต่อจากนั้นที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ได้มีการพิจารณาประมาณการงบประมาณสำหรับการเสนอขอรับการจัดสรรเงินชดเชยที่ใช้ในการเยียวยาสำหรับข้าราชการพลเรือนฯสายวิชาการใน ๒ ช่วงเวลา
โดยที่ประชุมคณะทำงานฯได้มีมติเห็นชอบประมาณการงบประมาณ และเห็นควรนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อเสนอคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) พิจารณาดังนี้
๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๒–๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ เนื่องจากเป็นการขอรับการเยียวยาในช่วงที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้ โดยเสนอขอรับเงินชดเชยเพื่อเยียวยาใน ๒ ส่วน คือ ๑.๑ การปรับเงินเดือนสำหรับผู้ที่ยังคงสภาพข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ จำนวน ๗,๘๙๓ คน เป็นจำนวนเงิน ๒๖,๓๕๑,๐๕๕ บาทต่อเดือน
๑.๒ การปรับเงินเดือนย้อนหลังตั้งแต่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๒ (เงินเดือนตกเบิก) สำหรับผู้ที่ยังคงสภาพข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ และผู้ที่พ้นสภาพข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาก่อนวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ จำนวน ๑๐,๕๙๑ คน เป็นจำนวนเงิน ๑,๒๕๒,๕๐๗,๗๕๕ บาท
๒) ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔–๑๔ เมษายน ๒๕๖๒ เนื่องจากเป็นการขอรับการเยียวยาย้อนหลังไปถึงวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเหลื่อมล้าหรือไม่เป็นธรรม สำหรับผู้ที่ยังคงสถานภาพข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ และผู้ที่พ้นสภาพข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาก่อนวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ จำนวน ๒๑,๕๘๒ คน เป็นจำนวนเงิน ๔,๒๖๒,๙๑๕,๒๕๐ บาท โดยจะทยอยจ่ายจำนวนปีละ ๘๕๒,๕๘๓,๐๕๐ บาท เป็นระยะเวลา ๕ ปี
ให้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ตีความว่าการเยียวยาย้อนหลังไปถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ (ก่อนที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับ) เป็นสิ่งที่สามารถทำได้หรือไม่
๓) สำหรับการเยียวยาข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาสายสนับสนุน กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘ หรือร้อยละ ๓ แล้วแต่กรณี คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษายังมีประเด็นที่ต้องพิจารณารายละเอียดในการประชุมในครั้งถัดไป
"ที่ประชุม กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ ได้มีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าของคณะทำงานแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว และผมในฐานะที่ปรึกษา กมธ.ได้อภิปรายขอให้ กมธ.การศึกษาได้ติดตามและผลักดันให้มีการพิจารณาเยียวยาไม่ให้ลักลั่นกับกลุ่มที่ ๒ และ ๓ ต่อไป เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองกลุ่มด้วย" รศ.ดร.สุรวาท ที่ปรึกษา กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)