พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบวาตภัย ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบวาตภัยในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
วันนี้ 14 กันยายน 2565 เวลา 08.10 น. พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ไปประชุมติดตาม การแก้ไขสถานการณ์การเกิดวาตภัยในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลทัพหลวง อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ต่อจากนั้น เวลา 08.45 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวนรวม 220 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎร ที่ประสบวาตภัย และมอบแก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลทัพหลวง อำเภอหนองหญ้าไซ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจ
ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ราษฎรที่ประสบวาตภัย และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ในการนี้ องคมนตรี ได้ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวนายสุนทร รุ่งเรือง ครอบครัวนายประณพ พรมพิลา ราษฎรหมู่ที่ 10 ตำบลทัพหลวง และครอบครัวนางลัดดาวัลย์ เจดีย์คำ ราษฎรหมู่ที่ 12 ตำบลทัพหลวง อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นครอบครัวผู้ประสบวาตภัย ต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็น
ล้นพ้นที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณา ทั้งนี้ องคมนตรี ได้พูดคุยให้กำลังใจและขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งจิตอาสาพระราชทาน ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว
จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เกิดฝนฟ้าคะนอง อากาศแปรปรวน ลมกระโชกแรง ทำให้เกิดวาตภัยเป็นวงกว้างเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม - 4 กันยายน 2565 ในพื้นที่ต่าง ๆ จำนวน 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนเจดีย์ อำเภอหนองหญ้าไซ อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอศรีประจันต์ อำเภอสองพี่น้อง อำเภอสามชุก อำเภอด่านช้าง อำเภอบางปลาม้า อำเภออู่ทอง และอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายใน 34 ตำบล 65 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ จำนวน 220 ครัวเรือน
โดยจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบวาตภัย จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ประชาชน และได้เร่งสำรวจความเสียหาย รวมทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบวาตภัยให้กลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วด้วยแล้ว