อาชีวะ EEC น้ำดี อนาคตสดใส มีงานรอแน่นอน 475,688 อัตรา

อาชีวะ EEC น้ำดี อนาคตสดใส มีงานรอแน่นอน 475,688 อัตรา   

เห็นรัฐบาลขยับแผนเดินหน้าพัฒนาบุคคลากรในพื้นที่ โครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รองรับกว่า 475,688 ตำแหน่ง เร่งผลักดัน 941 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ร่วมมือพัฒนาหลักสูตรรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพมีรายได้สูง ให้นักศึกษาจบใหม่น้ำดีเต็มคุณภาพ   

เป็นการวางรากฐานในการสร้างคน สร้างงาน และสร้างอนาคตให้คนไทย ในเชิงพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งแม้ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนา แต่ทั้งหมดก็เพื่อพี่น้องประชาชนและนักศึกษาจบใหม่ ได้มีงานทำ มีอนาคตที่สดใส มีรายได้สูงและมั่นคง 

และแผนพัฒนาบุคคลากรในพื้นที่ EEC ใน หรือ EEC ที่ว่านี้ 

รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้วางแนวทางและเริ่มดำเนินการเตรียมกำลังคนเพื่อทำงานในพื้นที่ EEC มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2561 มุ่งเน้นให้สถาบันการศึกษาผลิตคนให้มีศักยภาพตามความต้องการของสถานประกอบการ (Demand Driven) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคบริการ บนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่ และนวัตกรรม อย่างจริงจัง 

โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ 

EEC Model Type A และ  EEC Model Type B 

EEC Model Type A ให้สถานศึกษาจัดการศึกษาหลักสูตร ที่ได้รับปริญญา (Degree) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) เน้นการดำเนินการร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการ เพื่อให้ตรงความต้องการและได้อัตราค่าจ้างที่สูงกว่าปกติ 

ส่วน EEC Model Type B เป็นการจัดการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น ไม่มีปริญญา (Non-Degree) เพื่อพัฒนาบุคลากรแบบเร่งด่วน โดยสถาบันการศึกษาและสถานประกอบร่วมกันออกแบบหลักสูตร โดยมุ่งเน้น การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมหรือชั้นปีสุดท้ายของการศึกษาในระบบ หรือประชาชนทั่วไปให้มีความรู้และทักษะที่สามารถทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายได้ทันที

ทั้งนี้ EEC ได้คาดการณ์เรื่องความต้องการบุคลากรของสถานประกอบการไว้ว่า เมื่อโครงการสำเร็จลุล่วง จะมีต้องการแรงงานในระดับอาชีวศึกษา 377 แห่ง และระดับอุดมศึกษา 277 แห่ง

จึงเป็นหน้าที่ของ รัฐบาลต้องเดินหน้าผลักดันและสำรวจความร่วมมือจากสถานศึกษา-สถาบันการศึกษา ให้เข้าร่วมพัฒนาบุคลากรให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมกว่า 941 แห่ง

แบ่งเป็นในพื้นที่ EEC มีตั้งแต่ระดับโรงเรียน 847 แห่ง อาชีวศึกษา 17 แห่ง มหาวิทยาลัย 7 แห่ง

ส่วนนอกพื้นที่ EEC จะมีเครือข่ายสถาบันศึกษานอกพื้นที่ EEC ได้แก่อาชีวศึกษา 61 แห่ง มหาวิทยาลัย 9 แห่ง หน่วยงานภาครัฐ 14 แห่ง ที่จะสามารถรองรับและส่งเสริมหลักสูตรในอนาคตได้

และยังมีสถานศึกษาของการปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง ได้แก่ เทศบาล 111 แห่งและองค์การบริหารส่วนตำบล 161 แห่ง ที่จะสามารถเข้าร่วมในการพัฒนาบุคลากรด้วย

ในเบื้องต้น ประมาณการความต้องการบุคลากรในพื้นที่ EEC อยู่ที่ 475,688 อัตรา อาทิ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 16,920 ตำแหน่ง,

อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 37,526 ตำแหน่ง, อุตสาหกรรมดิจิทัล 116,222 ตำแหน่ง, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 58,228 ตำแหน่ง, อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 11,538 ตำแหน่ง, อุตสาหกรรมพาณิชย์นาวี 14,630 ตำแหน่ง, อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต 53,738 ตำแหน่ง และ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 166,992 ตำแหน่ง  

บุคลากรที่จบออกมา แบ่งเป็น ระดับอาชีวศึกษา 253,114 ตำแหน่ง ระดับปริญญาตรี 214,070 ตำแหน่ง และระดับปริญญาโทร-เอก 8,610 ตำแหน่ง

ดังนั้น ตัวเลขการพัฒนาบุคลากร 4.7 แสนตำแหน่งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ รวมถึงการเปลี่ยนระบบและโครงสร้างการศึกษาให้ทันสมัย ทันต่อความต้องการของธุรกิจในอนาคต

ซึ่งบางส่วนขณะนี้ ได้พัฒนาไปบ้างแล้วและเริ่มมีการเรียนตามหลักสูตรทั้ง Type A และ B ในระยะทดลองซึ่งสำเร็จไปด้วยดี รวม 16,007 คน

รัฐบาลจึงต้องเร่งบูรณการความร่วมมือให้สำเร็จเพิ่มขึ้น โดยมี กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ผนึกกับภาคเอกชน ในการพัฒนาบุคลากร ตามแผนการผลิตคนเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานในภาพรวม

ในอนาคตเชื่อว่า เมื่อมีการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ก็จะมีการขยายความต้องการบุคลากรที่ดีมีคุณภาพ ย่อมส่งผลให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage