อาเซียน 10 ประเทศ ร่วมปฏิญญาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษา...ลุ้นไทยไปให้ถึงฝัน
แน่นอนว่า ในเดือนตุลาคม 2567 หรืออีก 2 ปี ข้างหน้า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 ประกอบด้วย 1.บรูไนดารุสซาลาม 2. สหราชอาณาจักรกัมพูชา 3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 5. สหพันธรัฐมาเลเซีย 6. สหภาพหม่า 7. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 8. สาธารณรัฐสิงคโปร์ 9. ราชอาณาจักรไทย และ 10. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประชุมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาในกรอบอาเซียน อาเซียนบวกสามและสุดยอดเอเชียตะวันออกด้านการศึกษา และ การรับรองปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษาในอาเซียน
สาระสำคัญ ในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. เข้าร่วม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีของไทยได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 นั้น มีประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องพิจารณตามที่ให้การรับรอง/เห็นชอบในร่างปฏิญญาอาเซียนฯ ตามที่กระทรวงการศึกษาและฝึกอบรมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สำนักเลขาธิการอาเซียน และองค์การยูนิเซฟ ร่วมกันจัดประชุม UNICEF – ASEAN Conference on Digital Transformation of the Education System throughout ASEAN แถลงการณ์ร่วม Joint Statement Conference on Digital Transformation of the Education System throughout ASEAN ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเข้าถึงการเรียนรู้ดิจิทัลที่ปลอดภัย โอกาส ทักษะ ความสามารถทางดิจิทัล และพัฒนาทักษะที่สามารถถ่ายทอดและต่อยอดได้ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนต้องนำผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าว
มีสาระสำคัญในร่างปฏิญญาอาเซียนฯ สรุปได้ดังนี้
1.การให้ความสำคัญ ยืนยัน ยอมรับ และระลึกถึง วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2568 คือ ชุมชนที่มีความยืดหยุ่นพร้อมศักยภาพที่เพิ่มขึ้น ความสามารถในการปรับตัวและตอบสนองต่อความเปราะบางทางสังคม เศรษฐกิจ ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนภัยคุกคามและความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่
2.ระดับความแตกต่างของการศึกษาที่เปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบดิจิทัลในประเทศสมาชิกอาเซียน และการจัดการกับความท้าทายในด้านความเหลือมล้ำทางดิจิทัล
3.เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมทางการศึกษาในทุกระดับ โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสให้กับประชากรชายขอบ และเด็กและเยาวชนตกหล่น รวมทั้งช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนและพัฒนาการบริหารจัดการข้อมูลด้านการศึกษา
4.องค์ประกอบหลักของระบบการศึกษา ได้แก่ หลักสูตร การประเมิน ทรัพยากรการเรียนรู้ ทักษะของครู และการจัดการข้อมูล รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน
สิ่งที่ตกลงจะดำเนินการร่วมกัน ใน 15 ข้อ ได้แก่
1) ใช้หลักการจัดการเรียนรู้ทางดิจิทัลที่เหมาะสมและมีการประเมินผลตลอดทาง เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนโดยไม่เพิ่มภาระให้กับครู สนับสนุนการพัฒนาทักษะชีวิต การทำงาน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(2) ผู้ฝึกอบรมและนักการศึกษา (ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารการศึกษา) ทุกคน ต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง
(3) พัฒนาและส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพ
(4) พัฒนาและแบ่งปันพื้นที่เก็บข้อมูลทรัพยากรการเรียน การวางแผนการเรียนการสอน การประเมินผล กิจกรรมในชั้นเรียน
(5) ใช้หลักการสอนและการประเมินผลแบบดิจิทัลในการเรียนการสอน
(6) พัฒนานโยบาย แผนยุทธศาสตร์ และส่งเสริมการวางแผนระดมทุนระยะยาวในโรงเรียนทุกระดับ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลทางการศึกษา โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มชายขอบ
(7) พัฒนาและรับรองนโยบายให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างระบบบริหารจัดการข้อมูลทั่วประเทศ (การศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการสังคม) และในระดับอาเซียน
(8) ศึกษาระบบนิเวศที่เอื้อต่อความร่วมมือที่ยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงที่รับผิดชอบด้านการศึกษา การคลัง เทคโนโลยีสารสนเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน
(9) พัฒนานโยบายที่คุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูล วิธีการรวบรวมข้อมูล บันทึกและเข้ารหัสเพื่อคุ้มครองข้อมูล การใช้ข้อมูลการศึกษาที่โปร่งใสทั้งในระดับโรงเรียนและระดับบริหาร และทรัพย์สินทางปัญญาของทรัพยากรการเรียนรู้ รวมทั้งเสริมสร้างให้เด็กมีความรู้ในการใช้งานอย่างปลอดภัย
(10) ลดการเกิดสภาพแวดล้อมเชิงลบที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลด้านการศึกษา และค้นหาความเสี่ยงที่จะเกิดต่อเด็ก
(11) ส่งเสริมกลไกและนวัตกรรมใหม่
(12) ขยายโครงสร้างพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์และอินเทอร์เน็ตผ่านโครงการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ และสนับสนุนหุ้นส่วนภาคประชาสังคม
(13) จัดให้มีการเรียนรู้ดิจิทัลแบบออฟไลน์ (ออนไซต์) ในโรงเรียนที่ยังไม่ได้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
(14) พิจารณาและวางแผนงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและสารสนเทศด้านการศึกษาให้มีความโปร่งใส เหมาะสม และตรวจสอบได้
(15) ปรับปรุงระบบการติดตามและประเมินผลของสารสนเทศภายใต้การดำเนินงานด้านการศึกษา การสื่อสารและการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของสังคมครอบครัวและเยาวชน
ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากร่างปฏิญญาอาเซียนฯ ให้ความสำคัญทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กรอบกฎหมาย กฎระเบียบ รวมถึงเครื่องมือ แพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้ฝึกอบรม นักการศึกษา นักเรียนและประชาชนไทยจะได้รับโอกาสในการพัฒนาด้านวิชาการ ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าถึงการศึกษาอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
ด้วยเหตุนี้ 15 ข้อ ที่รัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ได้ตกลงจะดำเนินการร่วมกัน จึงเป็นสิ่งท้าทายเพื่อก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษา ที่มีการปรับตัวรวดเร็วและพัฒนาต่อเนื่องไม่มีวันหยุดนิ่ง แต่ผู้ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีฯของแต่ละชาติ นอกจากจะเข้ามาในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ไปตามวิถีการเมือง
ทำอย่างไร จึงจะทำให้ปฏิญญาอาเซียนฯ เปลี่ยนภาพฝันของประชาชาติสมาชิก ให้เป็นความจริง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage