ส่อง รามเกียรติ์“ หนุมานพร้อมรบ โขนมูลนิธิส่งเสริม ศิลปาชีพฯ ตอน ‘สะกดทัพ’ ทุกมิติ อลังการ

ส่อง รามเกียรติ์หนุมานพร้อมรบ โขนมูลนิธิส่งเสริม

ศิลปาชีพฯ ตอน ‘สะกดทัพ’ ทุกมิติ อลังการ

ในช่วง 15 ปีที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ในการฟื้นฟูการแสดงโขนและงานช่างฝีมือของไทย ทำให้การแสดงโขนกลับมาได้รับความสนใจ จัดแสดงทั้งหมด 9 ตอน นับตั้งแต่ปี 2550 และจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ต้องงดจัดการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จึงกลับมาจัดการแสดงสร้างความประทับใจอีกครั้ง ซึ่งการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประจำปี พ.ศ.2565 ตอน “สะกดทัพ” พร้อมยกทัพมาสร้างความประทับใจให้ผู้ชมอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 5 ธันวาคมนี้

ตื่นตากับไฮไลท์ฉากหนุมานต้องแผลงฤทธิ์ แปลงร่างใหญ่ยักษ์ 4 พักตร์ 8 กร สูงเทียมฟ้าเคลื่อนไหวด้วยกลไกทันสมัย พร้อมเทคนิคแสง สี เสียง ตระการตา ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จองบัตรเข้าชมการแสดงได้แล้วที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com

เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาศิลปะการแสดงโขนในทุกมิติ ดังพระราชปณิธานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อีกทั้งเพื่อสนองพระราชปณิธาน จากพระปฐมบรมราชโองการ ของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยในการทรงงานเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

จึงจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประจำปี พ.ศ.2565 ตอน “สะกดทัพ” เพื่อเฉลิมฉลอง 2 โอกาสมหามงคลของปวงชนชาวไทย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงการสนับสนุนการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และความสำคัญของโขนในฐานะสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศไทยเป็นที่ประจักษ์ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ทรงอุปถัมภ์บำรุงและสนับสนุนส่งเสริมงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติทุกแขนง รวมถึงการแสดงโขนซึ่งเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย

ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่ทรงอนุรักษ์ส่งเสริม ฟื้นฟู และพัฒนาการแสดงโขนในทุกมิติทั้งเครื่องแต่งกาย ฉาก เวที แสง เสียง เทคนิค และรูปแบบการแสดงอันเป็นที่มาของโขนพระราชทานที่สร้างความตื่นตา ประทับใจแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ

การแสดงโขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯจัดแสดงต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยมีจุดกำเนิดจากแนวพระราชดำริและพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศิลปะการแสดงโขนของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ศิลปะการแสดงโขนอันเป็นสมบัติวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาติกลับมามีชีวิตชีวาได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งในแง่การศึกษาวิจัยข้อมูลความรู้ การฟื้นฟูงานด้านนาฏศิลป์ คีตศิลป์ และศิลปะการช่างแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในหลายๆ องค์กรหลายสถาบัน กระแสความตื่นตัวของศิลปะการแสดงโขนของไทยในหลายปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดคุณูปการมิใช่เฉพาะผู้ที่ทำงานด้านศิลปวัฒนธรรมเท่านั้น

แต่เป็นความเคลื่อนไหวที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยและชาติไทยเป็นปัจจัยสำคัญให้ ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนโขนของไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยร่วมกัน”

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และประธานคณะกรรมการจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานมุ่งมั่นที่จะสืบสานแนวพระราชปณิธานด้านงานศิลปาชีพของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเฉพาะการแสดงโขน อันเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงที่รวมศาสตร์และศิลป์หลากหลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน

การแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน “สะกดทัพ” เป็นการนำบทพระราชนิพนธ์ฉบับในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มาเป็นบทการแสดงโขนมูลนิธิฯ ตอนนี้ ซึ่งเคยจัดแสดงในปีพ.ศ.2554 ในชื่อตอน “ศึกมัยราพณ์” ที่ได้รับความนิยมจากผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก และจากการทำแบบสอบถามในการแสดงครั้งล่าสุด ได้มีผู้ชมเรียกร้องให้นำการแสดงตอนดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง เพราะเป็นตอนที่มีเรื่องราวสนุกสนาน เร้าใจ รวมถึงมีฉากที่ทั้งงดงามและใช้เทคนิคอลังการ”

สำหรับฉากไฮไลท์ของการแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน “สะกดทัพ” นั้น ผู้ออกแบบและควบคุมการสร้างประติมากรรม และเครื่องประกอบฉาก ได้กล่าวว่า ฉากไฮไลท์ที่แตกต่างจากเดิม เนื่องจากเป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 ได้แก่ ฉากหนุมานต้องแผลงฤทธิ์ แปลงร่างใหญ่ยักษ์ 4 พักตร์ 8 กร สูงเทียมฟ้า เคลื่อนไหวด้วยกลไกทันสมัย รวมทั้งฉากที่เคยสร้างความประทับใจอื่นๆ ได้มีการปรับเพิ่มเติมเทคนิคให้มีความน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น เช่น ฉากหนุมานอมพลับพลาที่จะโชว์ความประณีตอลังการของการสร้างสรรค์ฉากที่ชวนตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น

การแสดงโขนครั้งนี้ ท้ายเรื่องมีฉากไฮไลท์เพิ่มเติมจากตอน “ศึกมัยราพณ์” ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ที่เคยแสดงเมื่อ 10 ปีก่อน คือ

ฉากที่หนุมานแปลงกายขนาดใหญ่ใช้มือจับแมลงภู่ในหุบเขาไร้รักแล้วขยี้จนตาย ไมยราพที่ฝากดวงใจไว้ในแมลงภู่ก็ขาดใจตายในที่สุด จึงมีการสร้างสรรค์ประติมากรรมหนุมานแปลงกาย 4 พักตร์ 8 กรขนาดใหญ่สูงถึง8 เมตร พร้อมมีเทคนิคพิเศษในการออกแบบกลไกให้เคลื่อนไหวได้เพื่อให้เป็นไปตามบทพระราชนิพนธ์ รวมทั้งมีประติมากรรมที่เป็นที่จดจำและนำกลับคืนสู่เวทีอีกครั้งอย่างฉากหนุมานอมพลับพลา ขนาดใหญ่ สูง 8.50 เมตร ที่นำโครงสร้างเดิมนำกลับมาปรับปรุงใหม่ให้อลังการยิ่งขึ้น”

ในส่วนของงานจิตรกรรมฉากที่ออกแบบและเขียนขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด เนื่องจากฉากเดิมมีการชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลาโดยมีทีมงานเขียนฉากของอาจารย์ วิชัย รักชาติ ที่ระดมช่างเขียนฝีมือดีมาช่วยกันสร้างสรรค์ฉากให้สวยสมบูรณ์แบบ

เช่น ฉากวิมานของเทวดา นางฟ้าที่งดงามตระการตา และฉากม่านพระ ที่ต้องออกแบบและทำขึ้นใหม่แทนฉากเดิมที่ทอด้วยพรมของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ซึ่งชำรุดเสียหายไปหมดเล้ว เป็นต้น

ด้านความวิจิตรของเครื่องโขนมีการออกแบบให้มีความวิจิตรตระการตายิ่งขึ้น ทั้งพัสตราภรณ์ (เครื่องแต่งกายโขน) และถนิมพิมพาภรณ์ (เครื่องประดับตกแต่ง) จัดทำโดยช่างฝีมือรุ่นใหม่ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่มีทักษะฝีมือจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 10 ปี โดยครั้งนี้มีการสร้างเครื่องแต่งกายของไมยราพและตัวโขนอื่นๆ เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ อีกกว่า 100 ชุดเพื่อทำให้พัสตราภรณ์ที่ปรากฏแก่สายตาผู้ชมบนเวที งดงามสมการรอคอย

การแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน “สะกดทัพ” ยังมีฉากผจญภัยอีกมากมายจากเรื่องราวการต่อสู้ของ หนุมาน ยอดวานรทหารเอกของพระราม และไมยราพ พญายักษ์เจ้าเมืองบาดาล ผู้มีกล่องยาวิเศษพร้อมมนต์สะกด ได้รับบัญชาจากทศกัณฐ์ให้มาช่วยรบกับพระราม จึงลอบเข้าไปสะกดทัพพระราม แล้วจึงแบกพระราม พาแทรกแผ่นดินไปยังเมืองบาดาล เป็นเหตุให้หนุมานต้องตามไปช่วยพระราม ในระหว่างทางไปเมืองบาดาล หนุมานจะสามารถฝ่าฟันด่านต่างๆ เพื่อไปช่วยพระรามกลับมาได้สำเร็จหรือไม่

พร้อมยกทัพเปิดม่านการแสดง ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 5 ธันวาคม 2565 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com บัตรราคา1,820 / 1,520 / 1,020 / 820 / 620 บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา 200 บาท (หยุดพักการแสดงทุกวันจันทร์และอังคาร)ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ค Khon Performance โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

 

เรื่องย่อ การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สะกดทัพ 

พระราม ยกกองทัพวานร ข้ามมหาสมุทรมาประชิดติดกรุงลงกา ทศกัณฐ์จึงคิดหาทางกำจัดศึกโดยให้ไวยวิก วายุเวก สองยักษ์กุมาร ไปเชิญไมยราพเจ้าเมืองบาดาลยกกองทัพเข้าเมืองลงกาและปรึกษาการศึก พร้อมรับอาสาออกไปตั้งทำโรงพิธีหุงสรรพยาจนสำเร็จและเตรียมนำเข้าไปสะกดทัพเพื่อจับพระรามลงไปสังหารในเมืองบาดาล ไมยราพ   

พระรามเมื่อบรรทมหลับ ได้ทรงพระสุบินเห็นราหูเข้าไล่จับพระอาทิตย์ และทรงได้จับฉัตรในชั้นพรหมโลกและพระบาทเหยียบถึงบาดาล รุ่งเช้าจึงให้พิเภกโหราจารย์ทำนายสุบินนิมิตรว่า พระรามทรงมีพระเคราะห์ คืนนี้จะมียักษ์มาสะกดทัพจับพระองค์ไปเมืองบาดาล แต่จะชนะศึกและพระเกียรติยศขจรขจายถึงชั้นพรหมโลกและบาดาล  พระรามจึงตรัสสั่งให้สุครีพจัดทหารวานรอยู่เวรยามตรวจตราให้เข็มแข็งจนกว่าเวลาเช้าดาวประกายพรึกขึ้น หนุมานรับอาสาแปลงกายโตใหญ่เพื่ออมพลับพลาไว้ในปากป้องกันอีกชั้นหนึ่ง

          ครั้นเวลากลางคืน หนุมานอมพลับพลาไว้และเหล่าทหารวานรได้อยู่เวรยามอย่างเคร่งครัด ไมยราพออกมาสังเกตุการณ์ โดยแปลงกายเป็นลิงน้อยปลอมปนเข้าไปสืบข่าวในกองทัพพระราม จนได้รู้ว่า พิเภกทำนายไว้ว่าจะมียักษ์เข้ามาลักลอบจับพระราม รอจนกว่าดาวประกายพรึกขึ้นเวลาเช้า ไมยราพจึงเหาะไปบนเขาโสลาสแกว่งกล้องแก้วหลอกเป็นดาวประกายพรึก เหล่าวานรเห็นดาวขึ้นจึงหลงกลคิดว่าเวลาเช้าพระรามพ้นพระเคราะห์แล้ว จึงไม่ตรวจตราอย่างเก่า ไมยราพเห็นได้ช่องจึงแปลงกายแฝงตัวเข้าไปเป่ายาสะกดทัพวานรให้หลับไหลและลักอุ้มพระรามลงไปเมืองบาดาล 

ครั้นเวลารุ่งเช้า หนุมานฟื้นขึ้น จึงตามไปช่วยพระรามตามที่พิเภกบอกทาง โดยหนุมานต้องฝ่าด่านต่าง ๆ ได้แก่ ด่านช้างตกมัน ด่านเขากระทบกัน ด่านยุงเท่าแม่ไก่ และ ได้พบกับมัจฉานุ ซึ่งเฝ้าด่านอยู่จึงเกิดรบกันขึ้น หนุมานถามมัจฉานุจึงรู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน มัจฉานุได้ชี้ทางบอกใบ้ให้หนุมาน หนุมานจึงหักก้านบัวลงไปสู่เมืองบาดาล 

ในป่านอกเมืองบาดาล นางพิรากวนมารดาไวยวิก ซึ่งไมยราพได้จับขังไว้จะต้มพร้อมมกับพระราม นางพิรากวนถูกถอดลงเป็นไพร่ให้ออกมาตักน้ำนอกเมืองเพื่อไปต้มพระรามและบุตรชาย นางจึงมาคร่ำครวญอยู่ หนุมานเข้าไปถามไถ่จึงทราบว่าพระรามถูกขังอยู่ที่ป่าท้ายบาดาลพร้อมไวยวิก หนุมานจึงแปลงกายเป็นใยบัวติดสะไบเข้าไปในเมือง หน้าประตูเมืองบาดาลมีตาชั่งใหญ่ที่คอยชั่งคนเข้าออก นางพิรากวนจึงถูกเชิญให้ขึ้นตาชั่ง ตาชั่งทานน้ำหนักไม่ได้จึงหักลง นางพิรากวนใช้อุบายพาหนุมานเข้าไปในเมืองบาดาลได้ 

ครั้นเข้าถึงเมืองบาดาล หนุมานได้เข้าไปในปราสาทไมยราพ เข้ารบกับไมยราพ ไมยราพออกอุบายให้หนุมานไปรบที่ดงตาลท้ายเมือง และได้ท้าให้นำต้นตาลมาทำเป็นกระบองผลัดกันตีทีละ ๓ ครั้ง ไมยราพจะตีก่อน หนุมานรับคำท้าไมยราพและตีหนุมาน ๓ ครั้ง หนุมานฟื้นขึ้นมาเยาะเย้ยไมยราพ 

เมื่อถึงคราหนุมานตีไมยราพ ๓ ครั้ง ไมยราพไม่ตาย หนุมานจึงเหยียบอกไมยราพไว้ และร้องถามนางพิรากวนว่า เหตุใดไมยราพถึงไม่ตาย นางพิรากวนจึงบอกว่า ไมยราพถอดดวงจิตไว้ในแมลงภู่ที่เขาจักรวาล หนุมานจึงแปลงกายใหญ่สี่พักตร์ แปดกร เข้าไปจับแมลงภู่ฆ่าตาย ไมยราพจึงถึงแก่ความตาย                                                                 

 

หนุมานจึงอุ้มพระรามกลับไปพลับพลา เหล่าเทวดานางฟ้าออกมาร่ายรำรื่นเริงอวยพรเกียรติยศแห่งพระราม

 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage