เสมา 1" ชู ร.ร.เอกชน ช่วยยกคุณภาพการศึกษา ฝากร่วมขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้น ปีงบ 66

เสมา 1" ชื่นชม ร.ร.เอกชน ช่วยยกคุณภาพการศึกษา ฝากร่วมขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้น ปีงบฯ 66

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ  เปิดใจ ยกโรงเรียนเอกชน มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาประเทศ ที่ผ่านมา สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของภาครัฐจัดการศึกษาตามแนวทางนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อย่างมีพลัง

เมื่อ วันที่ 28 ต.ค.65 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการฯ เป็นประธานเปิด กล่าวถึงนโยบายและการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน 2/2565 โดยมีประเด็นสำคัญหลายประการในการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาเอกชนที่ดำเนินการสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว หลายประการ ได้แก่   

การปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครอบคลุมนักเรียนโรงเรียนเอกชน ในระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 1,974,774 คน โดยจะเป็นการปรับเพิ่มแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง 4 ปีงบประมาณ (พ.ศ. 2566 - 2569)

ตามด้วยโครงการให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง และนักเรียน  เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน เมื่อปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา

และ  การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย การปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา และโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเป็นรายบุคคล ติดตามเด็กตกหล่น และเด็กออกกลางคัน ที่มาจากการสำรวจข้อมูลค่าใช้จ่ายจริงในการจัดการศึกษาเอกชน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทสามัญศึกษา นำไปประกอบการวิเคราะห์ทางเลือก และกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนต่อไปแล้ว

ขณะเดียวกัน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ฝากถึงผู้บริหารและบุคลากรสถานศึกษาเอกชน ได้ร่วมดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นของ ศธ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566  หลายประการ อาทิ

การศึกษาเพื่อความปลอดภัย โดยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้ง MOE Safety Center ศูนย์ความปลอดภัย กระทรวงศึกษาธิการ และ สช. ได้จัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยของ สช. โดยจัดทำแผนและแนวทางการบริหารจัดการระบบมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับสถานศึกษาตามแนวทางที่ศธ.กำหนด จึงขอโรงเรียนเอกชน ร่วม ศธจ. สช.จังหวัด ดำเนินการ จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เน้นการดำเนินงานด้านการป้องกัน การปลูกฝัง และปราบปราม แก้ไขปัญหายาเสพติด และอาวุธปืน โดยใช้กลไกตามนโยบายความปลอดภัยในสถานศึกษา

การเตรียมความพร้อมสถานศึกษา ผู้บริหารต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ ขณะเดียวกันนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขอนามัยที่เหมาะสม ตลอดจนเข้มงวดเรื่องการเฝ้าระวังและรายงานผล เพื่อให้รู้สถานการณ์และวางแผนป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที  และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด  

การเตรียมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือภัยพิบัติ ในภาพรวมกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือสถานศึกษา หน่วยงาน ครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือจากผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ และมีความพร้อมในการประสานงานช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่สถานศึกษา หน่วยงาน และผู้ประสบภัย  

การยกระดับคุณภาพการศึกษา ในการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ การจัดการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) การพัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) และการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เพื่อเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง

สุดท้าย นางสาวตรีนุช กล่าวขอบขอบคุณและให้กำลังใจกับคณะผู้บริหาร และครูโรงเรียนเอกชน รวมถึงผู้ปฏิบัติงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาเอกชนที่ดิฉันได้ร่วมผลักดันในวันนี้ จะส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็ง และเป็นกำลังสำคัญร่วมกับศธ.ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศต่อไปในอนาคต อีกด้วย

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage