เรื่องที่สำคัญกับชีวิต โรงเรียนไทยกลับ "ไม่เคยสอน"
#SoloInvestor
จากกลุ่มไลน์ สำนักข่าวการศึกษา edunewssiam ส่งมาให้อ่านกัน จึงขอนำมาให้เห็นในทัศนะที่กระทรวงศึกษาธิการ และ ผู้บริหารการศึกษา บรรดาผู้เกี่ยวข้องระดับนโยบายชาติ ไล่มาจนถึงระดับรากหญ้า ได้นำไปพิจารณา....
ทำไมหลาย ๆ เรื่องที่สำคัญกับชีวิต แต่โรงเรียนไทยกลับ "ไม่เคยสอน"
ส่งข้อมูลผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กู้บัตรเครดิต ที่ประชาชนนักกู้ควรรู้คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ก่อนตัดสินใจในความคิดของตนเอง
ยิ่งเราเติบโตมากขึ้น เรามักพบว่ามีหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนเรา ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ หรือเปลี่ยนฐานะทางการเงินของคนเราได้ตลอดชีวิต หรือทำให้คนเราเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ได้ต่างกัน
ซึ่งแปลกมากที่โรงเรียนไทยไม่ยอมสอน แต่กลับให้คนไทยจำนวนมากเสียโอกาสและเสียทรัพยากรอื่นๆไปอย่างสูญเปล่า
รวมเรื่องที่สำคัญกับชีวิต แต่โรงเรียนไทย "ไม่เคยสอน"
(1) ความรู้ด้านการกู้ยืมเงิน เพราะใน 1 ชีวิตของทุกๆคน ย่อมมีการกู้ยืมเงินจากแบงค์เพื่อดำเนินการต่างๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะมาจากการใช้บัตรเครดิต การกู้ซื้อรถยนต์ หรือมอไซด์ การกู้ซื้อบ้าน
หนี้บัตรเครดิต หากไม่ชำระจะโดนดอกเบี้ย +15% แสดงว่าว่าจากเดิมรูดไป 100,000 บาท ผ่านไป 3 ปีหากไม่จ่ายเงินจะโดนเรียกเก็บเป็น 145,000 บาท หรือขึ้นมากว่า +45%!!
หนี้รถยนต์ การคิดดอกเบี้ยรถนต์ เป็นอัตรา Flat Rate คือไม่ลดต้น ไม่ลดดอก (แม้มีกฎหมายใหม่มาก็ไม่ได้ลดต้น ลดดอกเเบบ 100%)
หนี้บ้าน คุณซื้อบ้านราคา 1 ลบ. โดยใช้เงินกู้ทั้งหมด เมื่อผ่อนครบ 25-30 ปี คุณต้องจ่ายเงินไปจำนวน 2 ลบ. หรือ 1 เท่าตัวของราคาบ้าน เพราะเงินอีก 1 ล้านจะเป็นดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้ยืมของคุณเอง
หากผิดนัดชำระ จะโดนตามยึดบ้าน ยึดรถ หรือยึดทรัพย์สืบพบอื่นๆ ที่ไม่ได้จดจำนองกับธนาคารก็ตาม
หากค้ำประกัน = ผูกคอตัวเองไว้กับผู้กู้ ทำให้ธนาคาร สามารถมาไล่เบี้ยเงินกู้ยืมจากผู้ค้ำประกันได้
(2) ความรู้ด้านการก่อสร้าง เพราะในช่วงชีวิตของทุกๆคน ย่อมมีสัก 1 ครั้งในชีวิต ที่ต้องรีโนเวทบ้าน เพราะทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ เพื่อใช้สำหรับพักผ่อน
ซึ่งแม้จะเป็นการซื้อบ้านหลังใหม่ หรือการรับบ้านเก่าต่อจากพ่อแม่ ก็ตาม เกือบทุกคนต้องผ่านประสบการรีโนเวทหรือต่อเติมมาอย่างน้อยคนละ 1 รอบในชีวิต
ซึ่งถือว่าเป็นการใช้เงินก้อนจำนวนมาก และอาจเปลี่ยนฐานะของตัวคุณได้ตลอดชีวิต (ฐานะจนลง) หากไม่มีความรู้พื้นฐานด้านนี้
ไล่มาตั้งแต่การคัดเลือกผู้รับเหมา รีโนเวท เพราะหากเลือกผิด ผู้รับเหมาทิ้งงาน = เสียเงินก้อนมัดจำไปฟรีๆ หรือผู้รับเหมาทำงานไม่เป็นยิ่งทำให้งบบานปลาย
การจัดตั้งงบประมาณค่าวัสดุและ ค่าแรกให้เพียงพอกับฐานะการเงินของตัวเราเอง
ความรู้ด้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ได้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ
ความรู้ด้านการตรวจรับงานของผู้รับเหมา ทั้งงานปูน งานไม้ งานเหล็ก งานสี งานไฟ งานประตู หน้าต่าง เพราะช่าง-ผู้รับเหมาส่วนมากมักมี Trick ในการลดสเปกงาน ลดการใช้วัสดุที่จำเป็นเพื่อให้กำไรตัวเองดีขึ้น
แต่เราจะได้งานที่ไม่มีคุณภาพ
ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้เงินก้อนที่คุณตั้งไว้ที่ 100 ไม่บานปลายไปเป็น 150-200 ได้ในการรีโนเวทบ้าน
(3) ความรู้ด้านภาษี เพราะคนไทยทุกคนต้องจ่ายภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ทุกๆปีคนเราต้องจ่าย โดยมีระยะเวลาจ่ายเงินต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี++ การมีความรู้ด้านการจัดการภาษีย่อมสำคัญต่อชีวิต
เพราะหากคุณประหยัดภาษีได้ปีละ 5,000 บาท x 40 ปี = 200,000 บาท
เพราะหากคุณประหยัดภาษีได้ปีละ 10,000 บาท x 40 ปี = 400,000 บาท
เพราะหากคุณประหยัดภาษีได้ปีละ 20,000 บาท x 40 ปี = 800,000 บาท
เทียบกับการที่คุณไม่มีการลดหย่อน หรือไม่บริหารภาษีเลย 40 ปี ประหยัดเงิน = 0 บาท
(4) ความรู้ด้านประกัน เชื่อว่ามีคนจำนวนมาก ยังไม่เข้าใจว่าประกันชีวิต กับประกันสุขภาพต่างกันอย่างไร ทั้งๆที่เกือบทุกคนทำประกันรถยนต์เพราะต้องเผื่อไว้เวลาที่ต้องซ่อมรถ-ขับชนอุบัติเหตุ
คนเราควรทำประกันแบบไหน
คนเราควรทำตอนอายุเท่าไหร่
คนเราจะต้องเลือกทำประกันอย่างไร ที่จะช่วยลดภาษี และให้ความคุ้มครองได้อย่างเต็มที่
การมีประกันจะช่วยให้โอกาสในการเข้าถึงการรักษาโรค ได้ดีกว่าคนอื่น ๆ ที่มีฐานะเท่ากันแต่ไม่ได้ทำประกัน (เพราะมีประกันจ่ายค่ารักษาให้)
หรือแม้แต่บางคนจ่ายค่าเบี้ยประกันมากเกินไป จนทำให้เสียโอกาสในการนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ
(5) ความรู้ด้านการลงทุน ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการลงทุนในหุ้นอย่างเดียว แต่รวมถึงการลงทุนประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น กองทุน พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ไวน์ นาฬิกา ทะเบียนรถ ทองคำ เพชร หรือแม้แต่การประกอบธุรกิจ
ซึ่งการลงทุนแต่ละประเภท มีความเสี่ยง มีข้อจำกัด และให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน อย่างน้อยควรบอกช่องทางหรือพื้นฐานให้กับคนไทยก่อนจบจากระบบการศึกษา ให้คนได้นำความรู้พื้นฐานไปต่อยอดในอนาคต
นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่โรงเรียนไทยหรือแม้แต่ในมหาลัยฯ ไม่ได้สอนเรื่องเหล่านี้
และเมื่อคนไทยจำนวนมาก ไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องพวกนี้ จึงทำให้คนไทยจำนวนมากเสียโอกาส เสียเงินไปมากมาย (ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรเสีย)
และยิ่งทำให้ช่องว่างทางฐานะของคนรวย ที่รู้เรื่อง ทั้ง 5 ข้อ เทียบกับคนชั้นกลาง/ยากจน ที่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก เสียเบี้ยปรกัน เสียดอกเบี้ยแพง เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย เสียรู้ช่างก่อสร้าง
มีความแตกต่างด้านฐานะกันมากขึ้นโดยอัตโนมัติ...
แล้วแฟนเพจคิดว่าเรื่องไหนบ้างที่ "น่าเสียดายที่โรงเรียนไทยไม่ได้สอน"
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam
ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage