มูลนิธิเอเชีย ชำแหละ ‘ปฏิรูปการศึกษา’ ผอ.’ เป็นผู้นำสำคัญ

 

มูลนิธิเอเชีย ชำแหละ ‘ปฏิรูปการศึกษา’ ผอ.’ เป็นผู้นำสำคัญ

 

ดร.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย อีเมล rattana.lao@asiafoundation.org ผู้เขียน

Edunewssiam : เรียบเรียง

 

จากเรียงความเด็กมัธยม กว่า 3,300 ฉบับ ที่มาจาก 270 โรงเรียนทั่วประเทศ ภายใต้การ โครงการวิจัยของมูลนิธิเอเชีย เรื่อง "จากความท้าทาย สู่คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย : กฎระเบียบ การบริหารทรัพยากร และความเป็นผู้นำ" กลายเป็น"เสียงสะท้อน" หรือ "ความคิดเห็น" หรือ “ภาพฝัน” แห่งความต้องการจากใจจริง ส่งตรง ถึง กระทรวงศึกษาธิการ ที่ควรออกมารับพิจารณา หาทางนำไปปรับแก้ไข ก่อนจะผิดทางไปมากกว่านี้

 

สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ฉบับแรกของประเทศไทย กล่าวได้ว่ามุ่งเน้นการกระจายอำนาจดูแลหลักสูตรการศึกษา ได้ให้อิสระกับโรงเรียนในการจัดการเรียนการสอนโดยมีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และกลายเป็นหัวใจหลักของการปฏิรูปการศึกษาไทย ยังเป็นดัง “ภาพฝัน” เท่านั้น

 

เพราะในความเป็นจริง ภาครัฐยังคงต้องดิ้นรนแสวงหาความมุ่งมั่นทางนโยบายการเมืองและงบประมาณก้อนใหญ่มาใช้เพื่อคงไว้ซึ่งคำว่า “ปฏิรูปการศึกษา”

 

แต่ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังคงปรากฏชัด ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่อยู่ในส่วนกลาง และโรงเรียนยังคงเน้นการเรียนการสอนแบบท่องจำ 

 

 

การที่มูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย (DFAT) ได้ทำโครงการวิจัยของมูลนิธิเอเชีย เรื่อง "จากความท้าทาย สู่คุณภาพการศึกษาของประเทศไทย : กฎระเบียบ การบริหารทรัพยากร และความเป็นผู้นำ" ที่มุ่งทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นผู้นำทางวิชาการและความสำเร็จของนักเรียน ขึ้นมา

 

เพราะเชื่อว่า การปฏิรูปการศึกษา และการให้อำนาจอิสระกับโรงเรียนจัดทำหลักสูตรที่ยืดหยุ่น จะช่วยพัฒนาเด็กไทยและประเทศไทยหลุดพ้นจากภาวะกับดักรายได้ปานกลางได้  

 

โดยประสานความร่วมมือกับสมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการประกวดเรียงความภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา ในหัวข้อ "ครูใหญ่ในใจเรา" ขึ้น ทำให้ได้รับเรียงความกว่า 3,300 ฉบับ จากเกือบ 270 โรงเรียนทั่วประเทศ ที่สามารถสรุปได้เป็น "5 สิ่งที่เด็กนักเรียนไทยอยากได้ จากผู้อำนวยการโรงเรียน"

 

จึงพบว่าโครงสร้างที่ฝังแน่นในระบบการศึกษาเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการปฏิรูปการศึกษาไทย ทั้งการรวมศูนย์อำนาจที่ชัดเจน ทรัพยากรทางการศึกษาที่ถูกจำกัด รวมถึงแนวความคิดที่ผิดพลาดเกี่ยวกับภาวะผู้นำ

 

ภาวะผู้นำ ระบุเจาะจงไปที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน  หรือ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้มีอิทธิพลและต้องมีบทบาทสำคัญ เป็นดัง “กล่องดำทางการศึกษา” หรือ “ตัวกลาง” ระหว่างความต้องการปฏิรูปการศึกษาของภาครัฐ ต้อง “รับ” และ “ตีความ” นโยบาย และ “แปลง” “ถ่ายทอด” เป็นแผนปฏิบัติการสำหรับจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน

 

ผู้อำนวยการที่ “ประสบความสำเร็จ” จะต้องสามารถปรับแก้ไขและเสริมสร้างกระบวนการเรียนการสอนให้ได้ตามเป้าหมายการศึกษาของชาติและสอดรับกับความต้องการเรียนรู้ของเด็ก

 

เรียกได้ว่าจะต้องมีบทบาทเป็น “ผู้นำทางวิชาการ” ตามทฤษฎีตั้งแต่ช่วงปี 2523 โดย ศาสตราจารย์ ดร.ฟิลิป ฮาลิงเจอร์ (Professor Philip Hallinger) นักการศึกษาและที่ปรึกษาอาวุโสของโครงการวิจัย มูลนิธิเอเชีย ซึ่งต่อมาอีกราว 40 ปี ความคาดหวังให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาจะต้องมีบทบาทเป็นผู้นำทางวิชาการนี้จึงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ

 

ดังนั้น ความเป็นผู้นำทางวิชาการ ของ ผู้อำนวยการโรงเรียนจะเกิดขึ้นได้ด้วยการกำหนดทิศทางของโรงเรียน จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และปรับปรุงพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้ดีขึ้น

 

ผู้นำทางวิชาการ จะต้องกำหนดทิศทางวัฒนธรรมของโรงเรียน จัดระเบียบการดำเนินงาน และกำกับติดตามให้ความช่วยเหลือการศึกษาของเด็กให้มีความก้าวหน้า  รวมทั้งปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความสำเร็จ โดยยึดถือให้ความต้องการเรียนรู้ของเด็กเป็นศูนย์กลาง โดยแท้

 

สอดรับกับ โครงการประกวดเรียงความภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา ในหัวข้อ "ครูใหญ่ในใจเรา" สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย ดังกล่าวข้างต้น สรุปได้เป็น " 5 สิ่งที่เด็กนักเรียนไทยอยากได้ จากผู้อำนวยการโรงเรียน" นั่นคือ

 

หนึ่ง เด็กให้ความสำคัญกับผู้อำนวยการโรงเรียนเทียบเท่าพ่อแม่ เห็นว่า ผู้อำนวยการเป็นดัง "พ่อแม่คนที่สอง" และยกย่องให้โรงเรียนเป็น "บ้านหลังที่สอง"

 

พบตัวอย่างการเปรียบเทียบระหว่างความรักในแบบพ่อแม่และผู้อำนวยการสถานศึกษา เช่น ใจดี ใจกว้าง มอบความรัก มองโลกแง่บวก จริงใจ อ่อนโยน มาหานักเรียนด้วยสายตาอ่อนโยนดังสายตาของแม่ที่มองลูก สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้แก่เด็ก ความเปรียบที่เกิดขึ้นนี้มีลักษณะเฉพาะในบริบทของสังคมวัฒนธรรมไทย แตกต่างจากงานวิจัยระดับนานาชาติ

 

สอง เด็กต้องการให้ผู้อำนวยการใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนนานมากขึ้น

 

นักเรียนจะประทับใจมากหากผู้อำนวยการยืนต้อนรับพวกเขา หน้าประตูโรงเรียนในยามเช้าก่อนเข้าเรียนและเดินตรวจตรารอบโรงเรียน มีเวลาปรับปรุงแก้ไขสิ่งต่างๆ ในโรงเรียน ทั้งด้านการบริหารจัดการและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ตกแต่งห้องเรียนและปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามยิ่งขึ้น ผู้อำนวยการที่เข้างานเช้า อยู่โรงเรียนนาน ร่วมกิจกรรมต่างๆ ย่อมได้รับความรัก ความประทับใจ

 

สาม ผู้อำนวยการจะต้องมีวิสัยทัศน์และเป็นแบบอย่างให้แก่ครูในโรงเรียน สมฐานะ "กัปตัน" คือ หัวหน้าหรือผู้นำโรงเรียน

 

นักเรียนเห็นว่าผู้อำนวยการเป็นดัง "หัวหน้าครู" สามารถแนะแนวและให้คำปรึกษาด้านการสอนแก่คณะครูได้ นอกจากนั้น ผู้อำนวยการจะต้องปฏิบัติตน "เป็นแบบอย่าง" ในฐานะผู้นำ จะต้องทำงานหนัก มีวินัย อดทนอดกลั้น เก่งรอบด้าน และทันสมัย จะต้องนำพาบุคลากรในโรงเรียน ทั้งครูและนักเรียนได้ ตัวอย่างเช่น

 

"ครูใหญ่เปรียบเสมือน "นายท้ายเรือ" ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรือให้แล่นไปตามทิศทาง ไม่ให้ออกนอกลู่ทางตามกระแสน้ำแต่จะคอยควบคุมเรือให้แล่นไปข้างหน้าอย่างสง่างามและปลอดภัย" (จาก ด.ญ.พิชญา สาผิว โรงเรียนบ้านแพงพิทยาคม)

 

สี่ ผู้อำนวยการจะต้องสร้างโอกาส ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียน พบความกระตือรือร้นของเด็กในการเข้าร่วมกิจกรรมใหม่ ๆ นอกเหนือไปจากกิจกรรมตามหลักสูตรการศึกษาปกติ เช่น กีฬา ดนตรี

 

พวกเขาจึงพึงพอใจหากผู้อำนวยการเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าแข่งขันกับโรงเรียนอื่น ทั้งยังคาดหวังถึงทุนสำหรับศึกษาต่อในต่างประเทศหรือต่างจังหวัดด้วย ตัวอย่างเช่น

 

"มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและให้การสนับสนุนในกิจกรรมทุกด้านที่นักเรียนสนใจ และมีความสามารถในด้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านกีฬา ด้านศิลปะ หรือแม้แต่กิจกรรมอาสา ควรสนับสนุนทุกสิ่งที่นักเรียนสนใจและมีความสามารถในด้านนั้นๆ …เพราะมิได้ส่งผลดีต่อนักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลประทบให้สถานศึกษานั้นเป็นสถานศึกษาที่มีนักเรียนที่เก่งและมีคุณภาพ" (จาก น.ส.วรรณวิษา ส่วยหาญ โรงเรียนขามแก่นนคร)

 

ห้า เด็กต้องการให้ผู้อำนวยการมีความยุติธรรม ไร้อคติ ช่วยยุติความรุนแรงและการกลั่นแกล้ง (Bullying) ภายในโรงเรียนการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นปัญหาสำคัญ 

 

ดังนั้น นักเรียนจึงคาดหวังให้ผู้อำนวยการเป็นผู้นำในการเคารพสิทธิ สร้างความเข้าใจ ยอมรับในความแตกต่างและมีมนุษยธรรมต่อกันภายในโรงเรียน ผู้อำนวยการต้องเป็นกลาง เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเด็ก สนับสนุน สร้างความมั่นใจให้เด็กทุกคนเชื่อมั่นและ "เป็น" ตนเอง อีกทั้งยังต้องปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ให้ความเท่าเทียม และเป็นประชาธิปไตย รับผิดชอบและอุทิศตนเพื่อโรงเรียน ตัวอย่างเช่น

 

"ครูใหญ่ในใจของฉันคงเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่ยึดถือในตำแหน่งสูงๆ ของตนเอง ทำให้นักเรียนกล้าที่จะเข้าหาและพูดคุยด้วย ก็ได้แค่ยอมรับฟังในทุกๆความแตกต่างชองนักเรียนไม่ว่านักเรียนจะเป็นใคร เพศไหน ฐานะใดก็ตาม…ท่านไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกๆ คน แค่ท่านรับฟังและนำไปพิจารณา ก็เพียงพอแล้ว" (จาก น.ส.มนัสนันท์ ขานด่อน โรงเรียนสารคามพิทยาคม)

 

ข้อนี้ แสดงให้เห็นความคาดหวังว่าผู้อำนวยการจะเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของการเคารพในความแตกต่างหลากหลาย พวกเขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความเท่าเทียมและเคารพในความต่างของเพศสภาพ ศาสนา เชื้อชาติ ชนชั้น และ "ตัวตนอันเป็นอัตลักษณ์" ของแต่ละบุคคล

 

ผู้อำนวยการสถานศึกษาจึงควรเป็นผู้นำในการแสดงถึงการเคารพ และความเข้าใจในอัตลักษณ์และเสรีภาพของเด็ก นอกจากนั้น นักเรียนยังคาดหวังให้ผู้อำนวยการรับฟังปัญหาความทุกข์ของพวกเขา และเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด เมื่อเกิดกรณีพิพาทขึ้นในโรงเรียน

 

เสียงความคิดความต้องการของเด็กๆ ทั้ง 5 ข้อนี้ ดังชัดเจน

 

สะท้อนถึงผู้อำนวยการ "ในฝัน"  "ในอุดมคติ" ที่จะเป็นพลังสำคัญในโรงเรียนและในชีวิตของพวกเขา แต่การจะไปถึงฝั่งฝันนั้น กลับถูกขัดขวางด้วยหลายปัจจัย เช่น การขาดแคลนงบประมาณ

 

แม้กระทั่งสำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนตามปกติ และโอกาสในการไต่เต้าเลื่อนขั้นทางวิชาชีพ บีบให้ผู้อำนวยการจำเป็นต้องใช้ความพยายามและเวลานอกโรงเรียนในการสร้างเครือข่ายระดมทุน พรากเวลาที่ผู้อำนวยการควรจะใช้พัฒนาโรงเรียนไปอย่างน่าเสียดาย

 

ผลการศึกษานี้จึงช่วยให้เห็นภาพสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาไทย เด็กต้องการมีผู้อำนวยการที่ยุติธรรม มีภาวะผู้นำทางวิชาการ เป็นผู้นำโรงเรียน และสร้างพื้นที่สำหรับแสวงหาความรู้มากยิ่งขึ้น กลายเป็นความท้าทายของเหล่าผู้กำหนดนโยบายการศึกษาที่จะต้องทำความปรารถนาเหล่านี้ให้เป็นจริง

 

ทั้งหมดนี้ เป็นคำถามที่ระเบิดออกมาจากใจ น่าจะมีคำตอบจากภาครัฐ

# จะทำอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ?

# จะทำอย่างไร เพื่อกำกับดูแลโครงสร้างที่สนับสนุนให้เกิดภาวะผู้นำทางวิชาการ?

# และจะทำอย่างไร ให้ระบบของโรงเรียนช่วยเหลือดูแลผู้นำเหล่านั้นได้?

 

ฝากกระทรวงศึกษาธิการ ค้นหาคำตอบได้จากการรับฟังเสียงความคิดความต้องการของเด็ก ๆ ดังที่ยกมาให้เห็นข้างต้น

 

# ติดตามอ่าน 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการศึกษาประเทศไทย https://edunewssiam.com/th/articles/274135 

 

photos from มูลนิธิเอเชีย

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

 

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage