อุบัติเหตุทัวร์ นร.ดับ ซัดแรง ศธ.- หน่วย งานรัฐบกพร่องซ้ำซากดักดาน

 

 

อุบัติเหตุทัวร์ นร.ดับ ซัดแรง ศธ.- หน่วยงานรัฐ บกพร่องซ้ำซากดักดาน

 

จากเหตุเศร้าสะท้อนถึงความล้มเหลวหน่วยงานการศึกษาและรัฐ เมื่อเวลา 23.25 น. วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา รถคณะนักเรียนทัศนศึกษา จากโรงเรียนบ้านหนองแหน อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย กำลังเดินทางกลับจากทัศนศึกษาที่ จ.ชลบุรี ชนสนั่นรถเก๋งเชฟโรเลต พลิกตกข้างทาง บริเวณถนนสายศรีนคร -ศรีสำโรง บ้านหนองวงเกวียน ต.ปากน้ำ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย  จนเป็นเหตุให้รถทัวร์คันดังกล่าว ไถลพุ่งตกลงข้างทางพลิกตกข้างทางท่ามกลางเสียงร้องระงม น.ร.หญิง 14 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ดับอนาถเนื่องจากเสียเลือดมาก และ คนขับสำรอง อีก 1  มีบาดเจ็บอีก 47 คน 

 

แม้ว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะได้กำหนด เรื่องมาตรการในการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ.2548 อย่างเคร่งครัด นอกจากจะต้องส่งหนังสือขออนุญาตก่อนออกเดินทาง 15 วันแล้ว ทางโรงเรียนต้องคำนึงถึงเส้นทางการเดินทาง เอกสารขออนุญาตผู้ปกครอง เอกสารประกันภัย เอกสารรับรองพนักงานขับรถ รวมถึงให้ควรงดเดินทางช่วงเวลากลางคืน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ก็ตาม แต่ยังมีเหตุนำมาซึ่งความเศร้าสลดใจให้เห็นเป็นข่าวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับการทัศนศึกษาของเด็กไม่ได้ลดน้อยลง ต่อเนื่องกันมาเสมอ

 

หากจะย้อนหลังไปในช่วง10 ปีที่ผ่านมา อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับการทัศนศึกษาของเด็กไม่ได้ลดน้อยลง และยังเกิดซ้ำในถนนที่เคยเกิดเหตุมาแล้ว รวมทั้งโรงเรียนก็ไม่สามารถเลี่ยงการใช้รถทัวร์เพื่อการทัศนศึกษาได้ 

 

และบ่อยครั้งพบว่าทางโรงเรียนไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบสำหรับปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยที่กำหนดรูปแบบการทัศนศึกษา ที่กำหนดว่าไม่ควรเริ่มเดินทางกลางคืน หากเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง ต้องมีคนขับ 2 คน หากต้องผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวให้ใช้รถเพียงชั้นเดียว

 

ข้อมูลของชมรมไทยปลอดภัย สถิติจำนวนนักเรียนที่เสียชีวิตจากรถทัศนศึกษาและรถรับจ้างส่งนักเรียน อุบัติเหตุเฉพาะกลุ่มรถทัศนศึกษาเปรียบเทียบปี 2558-2559 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ช่วงตี 3 และตี 4

 

ผู้ศึกษาปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทัศนศึกษามานานหลายปี พบว่า สาเหตุที่รถทัศนศึกษาเกิดอุบัติเหตุ มาจากการที่โรงเรียนได้รับงบประมาณอย่างจำกัด จนทำให้การจัดโปรแกรมทัศนศึกษา สำหรับโรงเรียนปกติ (ค่ากิจกรรมพัฒนา คุณภาพผู้เรียน) ต้องรัดเข็มขัดจนไม่ปลอดภัย ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ที่นักเรียนจะได้รับ ต่อ 1 คน 1 เทอม หากเป็นวัยก่อนประถมศึกษา คือ 215 บาท ประถมศึกษา 240 บาท และมัธยมศึกษาต้น 440 บาท ม.ปลาย 475 บาท

 

ชมรมไทยปลอดภัยฯ ย้ำว่า ด้วยงบประมาณดังกล่าว ทำให้โรงเรียนต้องออกแบบการเดินทางที่ประหยัดที่สุด เช่น ออกเดินทางในช่วงกลางคืน เพื่อลดการค้างคืน ลดจำนวนพนักงานขับรถ 1 คน แม้ตามระเบียบระบุว่า หากเดินทางเกิน 4 ชั่วโมง ต้องมีคนขับ 2 คน ใช้รถที่เน้นการบรรทุกคราวละมากๆ อย่างรถทัวร์ 2 ชั้น ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นรถรุ่นเก่าที่ไม่ได้ตรวจสอบความลาดเอียงและเลือกใช้เส้นทางลัด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

 

แต่ก็เคยมีอดีตผู้บริหาร ระดับกพฐ. ก่อนหน้านี้ ออกมาบอกว่า “ งบประมาณพัฒนากิจกรรมผู้เรียนที่ผ่านมา แค่นี้ก็เพียงพอ แต่ถ้าได้ส่วนนี้เพิ่มก็ดีเหมือนกัน คุณต้องเดินทางช่วงกลางวัน ต้องควบคุมรถที่มีสมรรถนะที่พร้อม เลือกบริษัทที่ดีๆ ต้องพิจารณา เหตุมันเกิดจากตรงนี้มากกว่า คือ คนขับรถประมาท สมรรถนะของรถไม่ดี และการเดินทางกลางคืน ก็เป็นตัวหลักอย่างหนึ่ง ที่ต้องพูดคุยกัน และกำชับอยู่ตลอดเวลา”

 

 

จึงทำให้ งบประมาณต้องรัดเข็มขัดจนไม่ปลอดภัย ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ที่นักเรียนจะได้รับ ต่อ 1 คน 1 เทอม หากเป็นวัยก่อนประถมศึกษา คือ 215 บาท ประถมศึกษา 240 บาท และมัธยมศึกษาต้น 440 บาท ม.ปลาย 475 บาท ต่อไปถึงปัจจุบันนี้

 

 

ขณะที่  นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานมูลนิธิปลอดภัย และรองประธานคณะกรรมการการคมนาคมสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักเรียนทัศนศึกษาที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงครั้งนี้ ว่า...

 

ถือเป็นความบกพร่องซ้ำซากดักดานของหน่วยงานรับผิดชอบภาครัฐ ที่ไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้นมายาวนาน รากแห่งปัญหาเกิดจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้งบประมาณการทัศนศึกษต่อหัวน้อยนิดเกินไป ทำให้โรงเรียนต้องบริหารจัดการบนความสุ่มเสี่ยง

 

นั่นคือ มักจะเช่าเหมารถบัสหมวด 30 และเป็นรถ 2 ชั้น เพื่อการประหยัดงบประมาณ แต่ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับสำหรับเด็ก ๆ และก็มักจะเดินทางกลางคืน เพื่อให้เด็ก ๆต้องนอนบนรถ เป็นการประหยัดค่าที่พัก และรถมักจะมีคนขับเพียงคนเดียว ไม่มีผลัดเปลี่ยนมือกันในการขับทางไกล

 

เมื่อมีอาการอ่อนเพลีย และง่วง ก็จะเกิดอาการหลับในพาเด็ก ๆ ไปสู่อันตรายมาตลอด ผู้คุมกฎรถสาธารณะบนถนน คือ หัวหน้าขนส่งจังหวัด ก็ขาดการสอดส่องดูแล จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

ขอให้สมาคมผู้ปกครองต้องดูแลลูกหลานตนเองให้ใกล้ชิด หากเห็นว่าระบบการเดินทางไม่ปลอดภัยก็อย่าอนุญาตให้บุตรหลานไปเลย มันไม่คุ้มกัน

 

แต่การทัศนศึกษาของนักเรียนยังต้องมีอยู่ กระทรวงศึกษาผู้เป็นพ่อแม่ที่สองของเด็ก ต้องดูแล ต้องต่อสู้เพื่อของบประมาณมาเพิ่มให้ได้ ผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบต้องรู้สึกบ้างว่า ถ้าเด็ก ๆ ที่สูญเสียเหล่านั้นเป็นลูกหลานของเราเอง เราจะรู้สึกอย่างไร

 

และอยากให้รัฐดำเนินการอย่างไร แล้วให้ดำเนินการแก้ไขไปตามนั้น โดยเอาหัวใจของตนเองใส่เข้าไป มิเช่นนั้นแล้วเหตุการณ์ที่เกิดนี้จะกลายเป็นไฟไหม้กองฟางใหญ่ ที่จะมอดดับไปกับความดักดานนี้อีกกองหนึ่งเท่านั้นเอง

 

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย อุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นกับรถรับ-ส่งนักเรียน เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เยาวชนบาดเจ็บพร้อมกันจำนวนมากและอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

 

โดยข้อมูลจากศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2565 พบการเกิดอุบัติเหตุรถรับ-ส่งนักเรียน รวมทั้งสิ้น 16 ครั้ง มีนักเรียนบาดเจ็บไปแล้ว มากกว่า 165 ราย

 

ข้อมูลสถิติย้อนหลัง 5 ปี จะมีเหตุการณ์ เฉลี่ย 2 ครั้งต่อ 1 เดือน หรือ 1 ปี จะมีอุบัติเหตุประมาณ 30 ครั้ง แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

 

ที่พบว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2565 พบการเกิดอุบัติเหตุมากถึง 13 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเปิดเรียนหลังจากปิดโรงเรียนมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี

 

นอกจากนี้ หากประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ อาจทำให้เกิดอันตรายแทรกซ้อนหรือเกิดความพิการของผู้บาดเจ็บได้ ขอให้โทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ จะเกิดความปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากขึ้น

 

( โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว )

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam 

 

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage