ยูนิเซฟ ชู 7 ประเด็นเพื่อเด็กไทย 13.7 ล้านคน เรียกร้องพรรคการเมืองเป็นนโยบาย

 

ยูนิเซฟ ชู 7 ประเด็นเพื่อเด็กไทย 13.7 ล้านคน เรียกร้องพรรคการเมืองเป็นนโยบาย

 

องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เรียกร้องพรรคการเมืองไทย ประกาศ 7 วาระ เพื่อเด็ก ด้วยการทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กทุกคนในประเทศไทย จะมีโอกาสที่เท่าเทียมในการมีชีวิต ที่มีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง เติบโตและประสบความสำเร็จในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ  สำหรับการเลือกตั้งในประเทศไทยที่กำลังจะมาถึง

 

คยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเชฟ ประเทศไทย ได้ระบุวาระทั้ง 7 ข้อดังกล่าวในเอกสาร  7  ข้อเรียกร้องจากยูนิเซฟสำหรับการเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งมีข้อมูลเชิงวิเคราะห์พร้อมสถิติและข้อเสนอแนะในเรื่องต่าง ๆ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของเด็กในประเทศไทย ได้แก่ การพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษา นโยบายสังคม การพัฒนาวัยรุ่น เด็กพิการ ความปลอดภัยในโลกออนไลน์และการคุ้มครองเด็ก ทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการแก้ปัญหาอย่างจริงจังจากผู้กำหนดนโยบาย โดยทั้ง 7 วาระแบ่งเป็นหัวข้อ ดังนี้

 

 วาระที่ 1 บริการดูแลเด็กที่มีคุณภาพในราคาเข้าถึงได้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีทุกคน

 วาระที่ 2 พลิกโฉมการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กให้มีสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21

 วาระที่ 3 เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถ้วนหน้า

 วาระที่ 4 พัฒนาศักยภาพของเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การทำงาน หรือการฝึกอบรม (NEET)

 วาระที่ 5 บริการที่ครอบคลุมสำหรับเด็กพิการ

 วาระที่ 6 เสริมสร้างความปลอดภัยในโลกออนไลน์สำหรับเด็ก

 วาระที่ 7 เพิ่มการลงทุนในการพัฒนากำลังคนด้านสังคมสงเคราะห์

 

คยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเชฟ ประเทศไทย ระบุว่า การแก้ปัญหาเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนกว่าเดิม เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุและมีอัตราการเกิดลดลงเรื่อย ๆ โดยอัตราการพึ่งพิงของประเทศไทยจะสูงเกินกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2588 

 

 

นั่นหมายความว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องลงทุนในการพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีทักษะและสรรพกำลังที่จำเป็นในการนำพาประเทศไปสู่การเป็นสังคมที่เจริญรุ่งเรือง ยั่งยืน สงบสุขและเท่าเทียมในอนาคต

 

“การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ที่จะกำหนดวิสัยทัศน์ สำหรับอนาคตที่เท่าเทียมและเจริญรุ่งเรือง โดยเป็นอนาคตที่เด็กทุกคนจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือมาจากไหน การพัฒนาเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในยามที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเราพูดถึงอนาคตของประเทศ ไม่มีใครสำคัญไปกว่าเด็กอีกแล้ว ดังนั้น เราต้องทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สูญเปล่าสำหรับเด็ก 13.7 ล้านคนในประเทศไทย ถึงเวลาที่พวกเราทุกคนรวมถึงพรรคการเมืองทุกพรรคและผู้มีอำนาจตัดสินใจ ต้องร่วมกันยืนหยัดและแสดงมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการสร้างอนาคตที่สดใสและเท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน” นางคยองซอน คิม ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าว

 

อีกทั้งยังระบุในรายละเอียดด้วยว่า ในเวลาอีกไม่นาน ประชาชนไทยกำลังจะได้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าสำหรับคนทุกวัยทั้งในวันนี้และวันหน้า และ เป็นประเทศไทยที่ทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จ

 

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คือ โอกาสสำคัญของประเทศไทย ที่จะกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่เจริญรุ่งเรื่องและเท่าเทียม ในขณะที่เด็กไทยจำนวน 13.7 ล้านคน' ยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าว มีเด็กเป็นศูนย์กลาง เพราะอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นอยู่กับการลงมือทำในวันนี้ และอนาคตที่เจริญรุ่งเรือง หมายถึง การไม่มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

 

เด็กจำนวน 13.7 ล้านคน ต้องได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการมีชีวิตที่มีความสุขและมีสุขภาพดี และสามารถพัฒนาตัวเองได้เต็มศักยภาพ วันนี้เรามีโอกาสที่จะทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ เราจะต้องไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป

 

ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเด็กมาโดยตลอด เมื่อ 31 ปีที่แล้ว รัฐบาลไทยได้ร่วมลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและประกาศความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็ก ดังนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนที่จะทำตามสัญญาดังกล่าว

 

เพราะเด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีวัยเด็กที่มีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ได้รับการพัฒนา ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และมีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือมาจากไหน

 

การเป็นสังคมผู้สูงอายุทำให้ประเทศไทยต้องลงทุนมากขึ้นกับเด็กและเยาวขน อัตราการพึ่งพิงของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจากไม่ถึงร้อยละ 20 ในปี 2560  และจะเพิ่มเป็นมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2588 ดังนั้น ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ด้วยการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

แม้ความก้าวหน้าที่ผ่านมาเป็นสิ่งน่าภาคภูมิใจเพราะทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันทำสิ่งมากมายสำหรับเด็ก แต่ยังมีสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป เพื่อให้เด็กทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมในชีวิต เติบโต และประสบความสำเร็จในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ

 

วันนี้ ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนแสดงความมุ่งมั่นใน 7 ประเด็นที่ระบุในเอกสารฉบับนี้ เพราะทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและเท่าเทียมยิ่งขึ้นสำหรับเด็กทุกคนในประเทศไทย.

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage