"จรรยาบรรณวิชาชีพครู" อย่าให้ เป็นแค่บทท่องจำหรือสวดภาวนา

 

"จรรยาบรรณวิชาชีพครู" อย่าให้

เป็นแค่บทท่องจำหรือสวดภาวนา 

 

เป็นที่เข้าใจได้เมื่อ ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา ออกมากางข้อจรรยาบรรณทางวิชาชีพเชิงรุก ในทำนองตักเตือนให้บรรดาคุณครูหรือผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ทั้ง 5 หมวด แบบซ่อนความแข็งอยู่ลึก ๆ ปนกับอาการไม่ค่อยมั่นใจนักว่า จะทำได้ตามกล่าวหรือไม่       

 

จุดแข็ง คือ ในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา การตั้งวอร์รูมติดตามข่าว เพื่อมอนิเตอร์ติดตามทั้งข่าวดี และข่าวไม่ดี ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกวัน

 

 

ถ้าพบครูดี บุคลากรทางการศึกษาดี โดดเด่น ก็จะดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ แต่ถ้าหากพบ ผู้ใดกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ก็จะดำเนินการพิจารณาโทษทางจรรยาบรรณอย่างเร่งด่วน โดยยึดหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาที่เป็นธรรมและโปร่งใส

 

จุดอ่อนจะอยู่ตรง คำว่าอย่างเร่งด่วนนั้น หากได้ระบุช่วงเวลา พร้อมกำหนดการลงโทษ ลักษณะใดให้ชัดเจนลงไป โดยจะให้พักการสอนทันทีหรือจะถอนใบอนุญาตให้สังคมสบายใจไว้ก่อน จนกว่าเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนทุกฝ่ายภายใน วัน/เวลาที่กำหนดกี่วัน ผิดถูกก็ว่ากันไปตามจริงตามนั้น จะกลายเป็นจุดแข็งทันที

 

ทั้ง ๆ ที่ การตั้งวอร์รูม ดังกล่าว ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของเด็ก เยาวชน และประชาชน รวมถึงพิทักษ์ศักดิ์ศรีเกียรติยศของวิชาชีพ ให้สมกับความเป็นวิชาชีพชั้นสูง นั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ  

 

การกำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดของครู ที่จะถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ไล่ออก หรือ ปลดออก จะต้องรอส่งข้อมูลมาให้คุรุสภา เพื่อดำเนินการทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ

 

นั่นเนิ่นช้าเกินไปหรือไม่

 

ทั้งนี้ คุรุสภาเองก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพในเรื่อง การล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน การลงโทษนักเรียนรุนแรงไม่เหมาะสมขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ เท่ากับเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ เป็นต้น ซึ่งเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก

 

แม้เรื่องเกิดขึ้นตำตาตำใจ ยังเห็นความอุ้ยอ้ายล่าช้าในการพิจารณาหลายเรื่องราวที่ปรากฎเป็นข่าวร้ายต่าง ๆ ไม่เว้นแต่ละชั่วโมงของแต่ละวันเกิดขึ้น อาจเนื่องมาจาก ไม่มีการดำเนินการลงโทษอย่างจริงจัง รอให้เวลาผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็จะเงียบและลืมไปแล้ว     

 

 

ถามว่า คนที่เข้ามาประกอบวิชาชีพครู ทุกสังกัดที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภา จะไม่ทราบชัดแจ้งถึงการต้องประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ทางการศึกษา ซึ่งระบุไว้ในข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2556 ที่มีทั้งหมด 5 หมวด อย่าให้เป็นแค่บทสวดหรือบทท่องจำไว้ในใจเพื่อสอบให้ผ่าน โดยไร้การปฏิบัติด้วยการแสดงออกอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะเป็น      

 

หมวด 1 จรรยาบรรณต่อตนเอง

ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพบุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ

 

หมวด 2 จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ

ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ

 

หมวด 3 จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ

ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ,

ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์ และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ 

ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ  

ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบริการ 

ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับ หรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

 

หมวด 4 จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพฯพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และ

 

หมวด 5 จรรยาบรรณต่อสังคม ผู้ประกอบวิชาชีพฯพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 

ฟังแล้วปลื้ม ที่เลขาธิการคุรุสภา บอกว่า “ปัจจุบันคุรุสภา มีครูที่ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประมาณ 9 แสนกว่าคน ต้องดำเนินการเกี่ยวกับจรรยาบรรณของวิชาชีพในเชิงรุก

 

เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ เช่น การกำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดของครูที่ถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ไล่ออก หรือ ปลดออก จะต้องส่งข้อมูลมาให้คุรุสภา เพื่อดำเนินการทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ

 

 

ขณะเดียวกันคุรุสภาก็มีเครือข่ายจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษา ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในกระบวนการทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ ได้นำความรู้และประสบการณ์จากการฝึกอบรมกับทางคุรุสภา ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละพื้นที่ ทำให้การดำเนินการตรวจสอบ และการสอบสวนสืบสวนด้วยความเป็นกลาง และเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้สังคมเกิดความมั่นใจในผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษามากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ยังได้มีการสื่อสารสร้างความเข้าใจในเรื่องจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนัก และร่วมมือในการปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างถูกต้องเหมาะสม

 

 

แต่สุดท้าย ฟังแล้วแทบจะหมดแรงหนุน กับความที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า...

 

อย่างไรก็ตาม...ดิฉันขอให้ผู้ประกอบวิชาชีพ และประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาประพฤติผิดจรรยาบรรณ โดยเฉพาะความผิดทางเพศ การทุจริต และพัวพันยาเสพติด สามารถแจ้งกล่าวโทษมาได้ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา หรือแจ้งผ่านทางเว็บไซต์คุรุสภา https://www.ksp.or.th/ksp2018/complaint เมนู “แจ้งเรื่องร้องเรียน”

 

ทุกวันนี้ ข่าวที่ปรากฏบนสื่อและทางโลกโชเชี่ยลออนไลน์ ยังไม่ช่วยทำให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ตื่นขึ้นมาแล้วส่งเสียง "กรี้ด" ได้บ้างเลยหรือครับ  

 

(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)