ตะลึง ! เด็กไร้สัญชาติ เบียด ! ที่นั่งเรียนเด็กไทย เพียบ “ตรีนุช” ยันเป็นสิทธิตามอนุสัญญาโลก

 

ตะลึง ! เด็กไร้สัญชาติ เบียด ที่นั่งเรียนเด็กไทย

เพียบ “ตรีนุช” ยันเป็นสิทธิตามอนุสัญญาโลก

 

ตุลย์ ณ ราชดำเนิน  

 

ตามที่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 (ฉบับ ราษฎร์อุปถัมภ์) อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ระดับชั้นที่เปิดสอน : ระดับอนุบาล 2 – ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ทำให้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ คือ การนำเด็กกลุ่มไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทย จำนวน 124 คน ว่า...

 

เด็กทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ไม่ว่าเชื้อชาติไหน สัญชาติใด แม้ว่าเด็กคนนั้น จะไร้สัญชาติไทยก็ตาม ก็ต้องได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากลที่เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

 

ส่วนเรื่องการตรวจสอบว่า เด็กกลุ่มนี้เข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น รมว.ศธ.ขอให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานว่า ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อ่างทอง ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอ่างทอง, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงฯ อ่างทอง , กอ.รมน., สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอ่างทอง (ตม.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรป่าโมก เข้าตรวจสอบที่โรงเรียนแล้ว

 

พบว่า ได้นำเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนในโรงเรียนจริง ซึ่งการคัดกรองพบว่า จากจำนวน 124 คน มีสัญชาติไทยจำนวน 7 คน ส่วนที่เหลืออีก 117 คน ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทย

 

จากเรื่องราวตามด้วยรายละเอียดดังกล่าว จึงนำมาซึ่งการตั้งข้อสังเกตชวนคิดต่อไปว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานเท่าใดแล้ว เมื่อมีชาวบ้านร้อง เอ๊ะ แล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่ทีความตื่นเต้นของทุกหน่วยงานที่ทั้งจังหวัดอ่างทอง ทำไมถึงได้ตื่นเต้บชนิดต้องระดมแห่กันลงไปตรวจสอบที่โรงเรียนดังกล่าว

 

 

 

อีกทั้ง ทำไมเรื่องนี้ บุคลากรประจำหน่วยงานภูมิภาคในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเอง ทั้ง ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ศึกษาธิการจังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่แทบจะเดินชนกัน และผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(สป.) ถึงไม่รู้เรื่องหรือผิดสังเกตใด ๆ ไม่ว่าจากรายงานในที่ประชุมหรือจากผู้อำนวยการโรงเรียนเลย

 

อย่างไรก็ตาม มีแฟนตัวยงที่ติดตามข่าวจากเฟสบุ๊ค ได้ให้ความสนใจแสดงความคิดเห็นต่อท้ายเรื่องนี้ว่า...

 

...ขอให้กระทรวงศึกษาธิการต้องทบทวนนโยบายด้วยเช่นกัน เนื่องจากประเทศไทยแรงงานต่างชาติไม่เพียงมาทำงานเท่านั้น หากยังเล่นขนมาทั้งครอบครัว ทำให้เราต้องแบกรับภาระใช้งบประมาณในเรื่องนี้มากอยู่ ถ้าเกิดมีการนำเข้ามาเป็นร้อยเป็นพัน จะเป็นภาระงบประมาณไทยในอนาคต แบกรับแทนเพื่อนบ้านไหม ซึ่งน่าจะผิดปกติ ต่างประเทศให้เข้าได้เฉพาะแรงงานเท่านั้น...

 

จึงตามมาด้วยความเห็น นโยบายนี้ควรทบทวนไหม เกิดแรงงานต่างชาติ ขนลูก ขนหลานมากันเยอะๆ ไหวเหรอ ใช่เรื่องไหม

 

...ส่วนเสียงทางใต้ระบุมาว่า ภูเก็ตมีเด็กต่างด้าวด้อยโอกาสเยอะมาก แต่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนไทย สิทธิ์เหมือนเด็กไทย ทุกประการขณะที่ลูกชายอยู่ ม.1 ร.ร.รัฐแห่งหนึ่ง (ที่ต้องสอบแข่งขัน) มีเพื่อนร่วมห้องเป็นเด็กต่างด้าวก็เรียนอยู่ด้วย

 

...กรุณาทบทวนด้วย อนุสัญญาบางอย่างอาจจะเหมาะกับช่วงสมัยนั้น ๆ แต่ถ้าพบว่ามีจำนวนมากผิดปกติจะทำให้เสียสมดุลทางงบประมาณ และมีผลต่อสังคมพื้นถิ่นเอง ก็ควรพิจารณาใหม่ ปรับให้ร่วมสมัยกับสังคมปัจจุบัน

 

...เด็กไทยแท้ ๆ บางคนต้องออกจากการศึกษาเพราะฐานะยากจน ก่อนจะดูแลเด็กต่างชาติ เอาเด็กชาติตัวเองให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงก่อนเถอะครับ

 

...ตามด้วยบางท่านให้ข้อเสนอแนะว่า ต้องจัดหน่วยเรียนพิเศษ สำหรับต่างด้าวครับ ไม่ใช่เอามารวมกัน ,, เด็ก ๆ ไทยยากจนขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนมีอีกเยอะ ไปดูครับ เอาตรงนั้นก่อน, ส่วนการเรียนต่างด้าว ก็ช่วยเหลือพอประมาณครับ ตามสิทธิมนุษย์

 

....แต่ก็ยังมีบางเสียงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุน อาทิ สิทธิเด็กต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าอยู่ชาติไหน ถูกต้องครับ...ให้เรียนก่อน

 

...ลูกแรงงานพม่า บางคนเกิดเมืองไทย บางคนมาเมืองไทยแต่เด็ก พูดไทยขัด อยู่เมืองไทยมาค่อนชีวิต โตขึ้นก็เป็นแรงงานทำงานให้ไทย กลับไปพม่า คือ อดตาย ก็ควรให้เขาได้รับการศึกษาตามสมควร เพื่อจะได้เป็นคนทำงานที่ดีของไทย

 

เรื่องราวทั้งหมดนี้ ยกมาให้ สพฐ.,สป.ศธ.และ ศธ. เห็นเป็นตัวอย่างการทำงานของคนที่เป็นตัวแทนกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร

 

นี่รับรู้แค่โรงเรียนเดียวในจังหวัดอ่างทอง ถ้าสำรวจตรวจจำนวนเด็กกลุ่มไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรและไม่มีสัญชาติไทยเข้ามาเรียนในสถานศึกษาของ สพฐ.กันทั้งประเทศ น่าจะวางแผนรับมืออย่างเป็นระบบได้ 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage