ม.โคลัมเบีย และ รัตเกอร์ส วิจัยพบ ไมโครพลาสติกในน้ําบรรจุขวด อาจตกค้างกล้ามเนื้อหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ
งานศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าน้ําบรรจุขวด 1 ลิตร อาจมีชิ้นส่วนพลาสติกที่สามารถมองเห็นได้ภายใต้กล้องจํานวนหลายพันชิ้น แต่เนื่องจากข้อจํากัดทางเทคโนโลยี งานศึกษาเหล่านั้นจึงหยุดที่ขนาด 1 ไมโครเมตร
แต่การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่มีชื่อเสียงของโลก หนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งแรกของนครนิวยอร์กที่เก่าแก่ที่สุดอันดับที่ห้าของสหรัฐอเมริกา และ มหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส แห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา มีความเห็นตรงกันว่า น้ําบรรจุขวดอาจมีมลพิษจากพลาสติกขนาดไมโคร มากกว่าที่เคยคิด
จากการตีพิมพ์ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 นักฟิสิกส์ชีวภาพจากโคลัมเบีย และเป็นผู้ร่วมศึกษา ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ถูกคิดค้นพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อค้นหาชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กกว่านั้น ทําให้พบจํานวนชิ้นส่วนพลาสติกในน้ําบรรจุขวดเพิ่มขึ้น 10 เท่า และในบางกรณีเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เท่า พบว่ามีชิ้นส่วนพลาสติกเฉลี่ย 240,000 ชิ้นต่อลิตรของน้ําบรรจุขวด
อีกทั้งประมาณ 90% ของชิ้นส่วนเป็นนาโนพลาสติก ซึ่งหมายถึงมันมีขนาดเล็กกว่า 1 ไมโครเมตร สามารถผ่านทางเดินอาหารและปอดเข้าสู่เลือดได้ จากนั้นมันยังอาจตกค้างในกล้ามเนื้อหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ เข้าสู่สมอง โดยผ่านทางตัวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง และแม้กระทั่งเข้าสู่ร่างกายของทารกยังในครรภ์โดยผ่านทางครรภ์พังผืดอีกด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ หนึ่งในชนิดของนาโนพลาสติกที่พบบ่อยที่สุดจากตัวอย่างน้ําบรรจุขวดสามแบรนด์ที่ทดสอบ (นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ระบุชื่อแบรนด์) คือ สิ่งที่เรียกกันว่าโพลีเอทิลีนเทอริฟทาลเต (PET) ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้บ่อยที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มบรรจุขวดมันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อขวดถูกบีบหรือเมื่อฝาถูกเปิดปิดบ่อย ๆ อีกชนิดหนึ่งที่พบบ่อย คือ ไนลอน
นักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมศึกษาจากภาควิชาธรณีเคมี มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เสนอว่าชิ้นส่วนเหล่านี้ อาจมาจากตัวกรองที่ใช้ในการกรองให้บริสุทธิ์น้ําก็ได้
เว่ย หมิ่น นักเคมี จาก ม.โคลัมเบีย ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีกล้องจุลทรรศน์เลเซอร์คู่ หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า เขาลดการดื่มน้ำดื่มบรรจุขวดลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่ผู้ร่วมวิจัย นักเคมีด้านสิ่งแวดล้อม กล่าว
ฟีบี สเตเปิลตัน นักพิษวิทยาจากมหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า “ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เราไม่รู้ว่ามันอันตรายหรืออันตรายแค่ไหน เรารู้ว่าพวกมันเข้าไปในเนื้อเยื่อของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงคนด้วย … และการวิจัยในปัจจุบันกำลังศึกษาว่า พวกมันทำอะไรบ้างเมื่อเข้าไปอยู่ในเซลล์”
เชอร์รี เมสัน ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนของ Penn State Behrend ในรัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัย กล่าวว่า การค้นพบครั้งใหม่นี้ ตอกย้ำคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่มีมายาวนานว่า ควรดื่มน้ำประปาจากแก้วหรือภาชนะสแตนเลสมากกว่าพลาสติก
เจสัน โซมาเรลลี ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และผู้อำนวยการกลุ่มมะเร็งวิทยาเปรียบเทียบ แห่ง มหาวิทยาลัยดยุก กล่าวว่า “อันตรายจากพลาสติกยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ แต่สำหรับผม สารเติมแต่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุด”
สมาคมน้ำดื่มบรรจุขวดระหว่างประเทศ ระบุในแถลงการณ์ว่า “ในปัจจุบัน เรายังขาดวิธีการการวัดอนุภาคพลาสติกที่ได้มาตรฐาน และยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากอนุภาคนาโนพลาสติกและไมโครพลาสติก ดังนั้นรายงานของสื่อเกี่ยวกับอนุภาคเหล่านี้ในน้ำดื่มไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการทำให้ผู้บริโภคหวาดกลัวโดยไม่จำเป็น”
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน เรายังขาดวิธีการการวัดอนุภาคพลาสติกที่ได้มาตรฐาน และ ยังมีการศึกษาน้อย ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นจากอนุภาคนาโนพลาสติกและไมโครพลาสติก ทําอะไรได้บ้างเมื่อเข้าสู่เลือด
แต่มีหลักฐานว่า สารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และการเจริญพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แม้ว่านาโนพลาสติกเองจะไม่เป็นไมโครพลาสติกก็ตาม อีกทั้ง ทีมวิจัยที่รายงานการค้นพบครั้งนี้บอกว่า...
หลังทำการศึกษานี้ มีข่าวรายงานว่า พวกนักวิจัยเหล่านั้นก็เริ่มลดการดื่มน้ำจากน้ำบรรจุขวด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage