วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอถวายพระพรชัยมงคล “ทรงพระเจริญ”

 

  

"เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

 

พระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562

 

วันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปี วันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่  10 ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และคนไทยที่พำนักอยู่ในนานาประเทศ ต่างพากันปลื้มปีติมีความสุข  ด้วยเป็นวันแห่งความเป็นสิริมงคลมหามงคลที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกปีหนึ่ง

 

วันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่  28  กรกฎาคม  2567 ประชาชนคนไทยในนามพสกนิกรได้ตั้งปณิธานไว้จะรวมพลังสามัคคีร่วมใจประกอบคุณงามความดี น้อมนำวิถีชีวิตเดินตามหลักคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นยึดมั่นในความกตัญญู มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักให้รู้จักแบ่งปัน รู้จักให้อภัย ตระหนักถึงการรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ด้วยมุ่งประโยชน์สุขให้เกิดแก่สังคมส่วนรวม เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบ

 

เป็นการทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงนำพระองค์เป็นแบบอย่างครองแผ่นดินโดยธรรม ให้พสกนิกรเดินตามรอยพระยุคลบาทมาอย่างต่อเนื่อง โดยทรงปฏิบัติพระองค์มานับแต่ทรงพระเยาว์จนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ

 

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชหฤทัยมั่นคงในหลักธรรม ที่ทรงนำมาเป็นเครื่องมือดำเนินชีวิตนับแต่ทรงพระเยาว์ตามปัจจุบัน ด้วยเพราะทรงยึดมั่นในการดำเนินพระองค์ตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

 

วันนี้ จึงเป็นประจักษ์แก่ปวงชนชาวไทยและชาวต่างประเทศว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกตัญญู  ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยความห่วงใยให้ความสำคัญแก่ราษฎรของพระองค์ในการดำเนินชีวิต ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่สุขทุกข์ของพสกนิกร เมื่อทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณจะทรงเอื้อมพระหัตถ์รีบพระราชทานความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์เฉพาะหน้า และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เข้มแข็งสู้ชีวิตต่อไป

 

ดังเช่นที่ทหาร ข้าราชการ ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสบภัยจากการก่อความไม่สงบ ราษฎรที่ประสบภัยไฟไหม้ น้ำท่วม วาตภัย เป็นต้น เมื่อทรงทราบจะทรงเร่งรีบพระราชทานความช่วยเหลือเฉพาะหน้าทันทีเป็นขวัญกำลังใจ

 

นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโอการเป็นคำมั่นสัญญา จึงเป็นที่ประจักษ์ในหัวใจคนไทยทั้งประเทศว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทุ่มเทพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจยึดมั่นในสัญญาเพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงชนชาวไทย ด้วยพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ อันเกิดจากทรงห่วงใยด้วยเพราะพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นไปด้วยพระเมตตา จึงได้ทรงทุ่มเทพระองค์มิทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย พร้อมด้วยพระบรมราชินีทรงเคียงข้างพระวรกาย บำบัดทุกข์บำรุงสุขพสกนิกร

 

ภาพประจักษ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณอีกส่วนหนึ่ง พระราชทานความช่วยเหลือบำบัดทุกข์บำรุงสุขเฉพาะหน้าอย่างเช่นเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เครื่องช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเช่นหน้ากากอนามัยที่สำคัญในการช่วยเหลือเฉพาะหน้าแก่โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ

 

ทรงนำพระองค์ร่วมแก้ปัญหามลภาวะสภาพแวดล้อมตั้งแต่ในกรุงเทพฯไปจนขยายสู่ภูมิภาค นอกจากจะทรงร่วมช่วยให้ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่ดี  ทรงมีพระราชประสงค์ให้คนไทยได้มีความรักความสามัคคีให้ความสำคัญของประโยชน์ส่วนรวม คือทรงตั้ง โครงการ “จิตอาสาพระราชทาน904”อันถือว่าเป็นโครงการในพระราชดำริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2560

 

โครงการจิตอาสาพระราชทาน904 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชหฤทัยสนองพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

เป็นที่ปรากฏรูปธรรมและยังส่งภาพจำมาถึงวันนี้ คือ ความสามัคคีของประชาชนคนไทย ข้าราชบริพารและข้าราชการในพระองค์ที่เสียสละร่วมโครงการจิตอาสาสนองพระมหากรุณาธิคุณร่วมกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อมมลภาวะขุดลอกคูคลอง เก็บขยะเป็นต้นในลำคูคลองต่างหลายแห่งทั้งในกทม.และจังหวัดต่างๆ 

 

ที่เห็นชัดในกทม.ปรากฏว่า เมื่อฝนตกห่าใหญ่ต่อเนื่องไหลบ่ามาที่เคยเอ่อท่วมถนนซอกซอยเป็นเวลานานก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และวันนี้จิตอาสาพระราชทานขยายกว้างขวางไปทั้งประเทศและก่อประโยชน์สุขแก่สังคมมหาศาลทีเดียวทั้งนี้ด้วยเพราะพระมหากรุณาธิคุณ สื่อภาพร่วมทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่เกิดประโยชน์สุขมหาศาลแก่สังคมไทย

 

การศึกษาเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ให้ความสำคัญมาแต่ทรงพระเยาว์ ภาพจำปรากฏชัดตั้งแต่ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงส่งเสริมตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนิน “โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” เมื่อปี2552 ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล และในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 ทรงให้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร”(ม.ท.ศ.)

 

ด้วยทรงตั้งพระราชปณิธานปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่อาณาราษฎร  ยึดมั่นในพระราชสัญญา  "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"  จึงทรงตั้งพระราชหฤทัยปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อยังประโยชน์สุขให้เกิดกับคนไทยทุกหมู่เหล่า

 

พระราชกรณียกิจสำคัญนอกเหนือไปจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระองค์ ก็ได้ทรงคิดทรงสร้างและพระราชทานแก่คนไทยจำนวนมาก  และยังทรงตั้งพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีอยู่หั่วประเทศ และก่อประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งโครงการพระราชดำริ เรื่องน้ำ น้ำเกี่ยวพันกับสรรพชีวิตไม่ว่าจะเป็นเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตร โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อการสร้างสมดุลความชุ่มชื้นแก่ดิน เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้

 

เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ดินและทรัพยากรป่าไม้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเอาพระราชหฤทัยใส่มาแต่ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ได้พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเรื่องน้ำไม้มาก จนปัจจุบันได้พระราชทานโครงการที่เกี่ยวข้องด้านนี้อีกมากมายทีเดียว จนก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนที่ได้นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยราษฎรทุกคนน้อมนำแนวพระราชดำริอันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยหลักเดินตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง

 

พระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขแก่สพกนิกร ในทุกด้าน เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้น คนไทยสังคมไทยอยู่กันอย่างสุขสงบ หัวใจที่เป็นสะพานเชื่อมที่ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการที่จะสื่อดึงคนไทยให้ยึดมั่นคือการน้อมพัฒนาจิตใจด้วยการหมั่นสวดมนต์ภาวนาตามวาระโอกาสสำคัญหรือปฏิบัติเป็นวิถีชีวิต  เพื่อให้ประชาชนได้ซึมซับหลักธรรมทางศาสนานำเป็นเครื่องมือดำเนินชีวิต

 

มิเพียงพระราชกรณียกิจด้านที่ยกมาหากแต่ทรงให้ความสำคัญทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนไทย เกี่ยวสังคมไทย ดังเช่นทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการทั้งทหารและพลเรือง ทรงห่วงในคนไทยทุกจังหวัดทุกภูมิภาค รวมไปถึงข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขทหารที่ปกป้องประเทศชาติ และมิทรงหลงลืมแม้แต่ราษฎรท้องถิ่นห่างไกล ทรงแผ่พระเมตตาโดยมิทรงถือพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่าเดือดร้อน จะพระราชทานความช่วยเหลือบรรเทาเฉพาะหน้าเป็นขวัญกำลังใจ

 

จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่คนไทยทั้งประเทศรักเทิดทูลอย่างที่สุด

 

ในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งรัฐบาล ทั้งราชการ เอกชนและประชาชนคนไทย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงรวมใจกันเฉลิมพระเกียรติทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา  6 รอบ 28 กรกาคม 2567  ร่วมน้อมใจถวายพระพรชัยมงคล โดยขอพระบรมราชานุญาตเชิญคุณพระรัตนตรัยบรรดาลดลให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ทรงสถิตย์เป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงราษฎรไทยตราบนานเท่านาน

 

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

 

ข้าพระพุทธเจ้า นายเสกสรร  สิทธาคม

สำนักข่าวการศึกษาเอ๊ดดูนิวส์สยาม(Edunewssiam.com)

เรียบเรียง