“ศิลปะ”ที่มากกว่าการเรียนเพื่อรู้ ณ โรงเรียนสาธิตแห่ง มธ.


อาจารย์นิธิ จันทรธนู “ครูแอม” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเครือข่ายและผู้ปกครองสัมพันธ์ ในฐานะครูผู้สอนวิชาศิลปะการแสดงและการละคร กลุ่มประสบการณ์การเรียนรู้สุนทรียะทางศิลปะ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการสอนไม่ว่าจะศาสตร์ใดก็ตาม อาจจะมีแค่ “แนวคิด” และ “เป้าหมาย” ส่วนวิธีการที่พาไปก็เป็นเครื่องมือของครูคนนั้นๆ แต่ระหว่างทางสิ่งสำคัญคือ เราต้องอยู่กับปรากฏการณ์ปัจจุบันที่เด็กเป็น และประเมินการเรียนรู้ที่เขาสะท้อนออกมาว่า แต่ละคนโดดเด่นในเรื่องใด

การที่เราไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิด หรือทำเท่านี้ได้ถึงจะดี แต่บอกเขาว่าให้ลองทำดู ค้นหาดูจากโจทย์ที่ครูจะพาไป เมื่อถึงจุดนั้นเด็กจะทำได้หรือไม่ได้ เขาก็จะได้เห็นตัวเองมากขึ้น ความท้าทายสำคัญจึงตกอยู่กับครูผู้สอนว่าจะต้องทำอย่างไรให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ของแต่ละคนออกมาสัมพันธ์กัน

“ก่อนเริ่มกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มประสบการณ์ เทอมนี้เราตั้งใจใช้โจทย์ละครเวทีเป็นแก่น เพราะมองว่าศิลปะการละครเป็นศาสตร์ที่บูรณาการศิลปะทุกแขนงมาใช้ โดยเลือกเรื่องราวของสัตว์ 4 ทิศ (กระทิง เหยี่ยว หมี และหนู) ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ศิลปะผ่านการรู้จักตัวตนด้วยกลไกของสัตว์ 4 ทิศ ให้เขาเห็นตัวเอง เห็นคนอื่น เห็นเอกลักษณ์และความต่างของคน แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้หมายความว่า เห็นตัวเองเป็นอย่างไร แล้วจะนำสิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้างในการทำสิ่งไม่ดี แต่ต้องให้เด็กรู้ว่า นี่คือสิ่งสมมติที่ทำให้เราเข้าใจกันและกัน และเราเป็นมนุษย์ไม่ใช่สัตว์”

“ครูแอม”กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น จึงต้องมีความยั้งคิดเวลาทำงานกับเพื่อนๆ ฝึกสังเกตจังหวะของชีวิตของคนอื่น ต่อยอดสู่การมีศิลปะในการใช้ชีวิตเพื่อสันติ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญของกระบวนการนี้ ดังนั้น เรื่องราวนี้จะถูกนำไปออกแบบกระบวนการเรียนรู้ใน 4 ศาสตร์ ของกลุ่มประสบการณ์ ซึ่งจะมีมิติความลึกแตกต่างกันออกไป เพื่อให้เด็กได้ฝึกทักษะและเข้าใจเอกลักษณ์ของสัตว์ทั้ง 4 ชนิด

เช่น เด็กที่เรียนละครก็จะถูกทำกระบวนการให้เข้าใจสัตว์ทั้ง 4 ทิศ เด็กที่เรียนดนตรีก็จะถูกทำความเข้าใจด้วยการออกแบบเสียงให้เป็นไปตามสัญญะของสัตว์ 4 ทิศ ส่วนเด็กที่เรียนทัศนศิลป์ก็จะได้ออกแบบหน้ากาก และเด็กที่เรียนการออกแบบจะได้ทำของที่ระลึกและนำไปขายในเทศกาล การมีส่วนร่วมในทุกส่วนของเด็กๆ ทำให้เขารู้ว่าไม่มีใครสำคัญกว่าใคร เพียงแต่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องรู้จักให้เกียรติกันและกัน ซึ่งทุกคนก็ภูมิใจที่สามารถทำออกมาให้ผู้ชมทุกคนประทับใจได้ แม้หลายคนก่อนขึ้นเวทีจะมีอาการตื่นเต้นก็ตาม

ผช.ผอ.ฝ่ายเครือข่ายและผู้ปกครองสัมพันธ์ โรงเรียนสาธิตแห่ง มธ.กล่าวตอนท้ายว่า แม้จะผ่านไปเพียง 1 เทอม แต่ระหว่างกระบวนการจัดการเรียนรู้ศิลปะรูปแบบนี้ ทำให้พบว่า “ศิลปะทำให้พวกเรารู้จักและยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย” เพราะแต่ละคนมีความคิด ความรู้สึก และการแสดงออกต่อสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน “ศิลปะทำให้พวกเราได้รู้จักตัวเอง” จากความสุขและความสนุกเมื่อได้ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ความรักทำให้จิตใจละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะสัมผัสความงามซึ่งนำพาให้เกิดความรู้สึกกระทบใจ เพิ่มพูนเป็นความรู้ที่ทำให้เห็นความจริงของมนุษย์

ดังนั้น “สุนทรียะทางศิลปะ” อาจไม่ได้เป็นเพียงวิชาเรียน แต่เป็นศาสตร์ที่ทำให้เรามีโอกาสสัมผัสความจริงเล็กๆในชีวิต คุณภาพของความรู้สึก ซึ่งนำไปสู่คุณภาพของการมีชีวิตที่เป็นสุข