นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนบุคคลเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการต่างๆ ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าว่า ตนได้เสนอ ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม

ในกรณีคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งถูกกล่าวหาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กรณีการอนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยมิชอบ ในครั้งแรกวงเงิน 500 ล้านบาท ด้วย จากทั้งหมดอนุมัติจำนวน 3 ครั้ง ในวงเงิน 500 ล้านบาท, 2,100 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 3,000 ล้านบาท

“เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินได้ชี้มูลว่า อาจมีการกระทำความผิดในการอนุมัติครั้งนี้ด้วย ประกอบกับทราบว่า ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการความอาญา/วินัย กับผู้ถูกกล่าวหา 28 ราย ไประยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากมีเหตุอันควรน่าสงสัยว่า เงินที่ใช้เป็นหลักประกันการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 500 ล้านบาท ของบริษัท บิลเลี่ยนฯ ที่อาวัลโดยธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลับเป็นเงินของสำนักงาน สกสค.เอง โดยมีการโอนเงินไปภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ช.พ.ค.ได้มีมติอนุมัติเงินของกองทุนฯไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยนฯ”

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า อีกทั้งภายหลังจากที่มีการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินแล้วเพียง 2 วัน บริษัท บิลเลี่ยนฯก็ยื่นคำขอให้ส่งคืนต้นฉบับตั๋วสัญญาใช้เงิน และไถ่ถอนการจำนำสิทธิเงินฝากจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และนำเงินที่วางเป็นอาวัลกลับคืนเข้าสู่บัญชีของบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบัญชีส่วนตัวของกรรมการบริษัท บิลเลี่ยนฯบางส่วน โดยอ้างว่าได้บรรลุข้อตกลงกับสำนักงาน สกสค.แล้ว ซึ่งหากเป็นจริง ก็ถือว่ามีการกระทำความผิดสำเร็จไปแล้ว แม้ว่าบริษัท บิลเลี่ยนฯจะคืนเงินก้อนนี้ให้แล้ว แต่ทาง สกสค.ก็ควรต้องรื้อฟื้นสอบสวนเพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในประเด็นนี้อย่างจริงจังด้วย