สปสช.จับมือ มท. หนุน อปท.ขยายจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุฯ” ช่วยผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลเพิ่มภายใต้กองทุน LTC บัตรทอง ครอบคลุมเป้าหมายปี 60 จำนวน 1.5 แสนราย

นพ.ชูชัย ศรชำนิ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมหารือทิศทางการดำเนินงานท้องถิ่นด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นการหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยมีนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานการประชุม เมื่อเร็วๆ นี้

ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการเร่งขับเคลื่อนงานนโยบายการจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Long Term Car : LTC) ที่ดำเนินงานผ่านกลไกกองทุนสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ กองทุนหลักสุขภาพตำบล

ทั้งนี้ การจัดบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับ สปสช.จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อกระจายไปยัง อปท. โดยมีเป้าหมายการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงจำนวน 100,000 ราย หรือเฉลี่ย 5,000 บาทต่อราย

ซึ่งจากการดำเนินงานในปีดังกล่าว สามารถครอบคลุมการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงทั่วประเทศได้เพียง 80,000 ราย และในปีงบประมาณ 2560 สปสช.ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 900 ล้านบาท โดยขยายให้ครอบคลุมผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงให้เข้าถึงการดูแลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 150,000 ราย (รวมผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงรายเก่าและรายใหม่)

นพ.ชูชัยกล่าวต่อว่า เพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงให้ครบตามเป้าหมายในปี 2560 นอกจากการดำเนินงานผ่านหน่วยบริการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ศูนย์พัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและคนพิการ ที่ดำเนินงานโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นแล้วในหลายพื้นที่ สามารถเป็นหน่วยบริการที่ช่วยขยายการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้

จึงได้ขอความร่วมมือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สนับสนุนให้ อปท.จัดตั้งศูนย์พัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุฯเพิ่มขึ้น และให้มีการกำหนดระเบียบการใช้จ่ายเงินที่คล่องตัว เช่นเดียวกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

“สำหรับในการประชุมครั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบข้อหารือในการขยายจัดตั้งศูนย์พัฒนาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยต้องประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงสาธารณสุข อปท. และ สปสช. พร้อมกับเห็นควรให้มีการกำหนดระเบียบเช่นเดียวกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการเบิกจ่าย ซึ่งจะยังประโยชน์ให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่เอง” นพ.ชูชัยกล่าว