“กทม.-สจล.” จัดล่องเรือเสวนาพิเศษ! โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา


ใกล้กำหนดส่งมอบแผนงาน “โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา” ในวันที่ 26 กันยายน 2559 ซึ่งกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มอบหมายให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ดำเนินการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนแม่บท 57 กม. และระยะนำร่อง 14 กม. พัฒนาแนวความคิดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ ภูมิทัศน์วัฒนธรรมและการเชื่อมต่อให้เข้าถึงด้วยทางเดินตลอดสองฝั่งแม่น้ำ

และในวันนี้ผู้นำสององค์กร นายแพทย์พีระพงษ์ สายเชื้อ ปลัดกรุงเทพมหานคร และ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้จัดงานล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดเวทีเสวนาพิเศษ ในหัวข้อ “เจ้าพระยาเพื่อทุกคน...ทุกคนเพื่อเจ้าพระยา ” โดยมี รศ.ดร.สกุล ห่อวโนทยาน ผู้จัดการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และคณะบริหารโครงการ พร้อมด้วย คุณวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาร่วมเวที

เปิดมุมมองอนาคตของแม่น้ำของทุกคน และพร้อมผนึกความร่วมมือสร้างการเชื่อมโยงแผนพัฒนาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยากับโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในช่วงแรก นพ.พีระพงษ์ คลี่คลายคำถามที่ว่า มองเห็นปัญหาของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไร ทำไม กทม.จึงต้องพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เร่งรีบไปไหม

โดย ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า คนไทยเราตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของประเทศ เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต สร้างความอุดมสมบูรณ์และเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากอดีตสู่ปัจจุบัน แม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านกรุงเทพมหานครมีระยะทางยาวรวม 57 กม. เป็นเส้นทางคมนาคมจากภาคเหนือเชื่อมต่อจากนนทบุรีสู่สมุทรปราการ

เชื่อมโยงสังคมและมรดกทางวัฒนธรรม เพราะสองฟากฝั่งแม่น้ำมีคูคลองแยกย่อยเป็นกิ่งก้านสาขา เป็นที่ตั้งถิ่นฐานย่านชุมชนตามประวัติศาสตร์ มีวัด วัง สถานที่ราชการ ตลาด แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ต้องยอมรับว่า ขณะที่กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ชุมชนเก่าแก่มีวัฒนธรรมวิถีไทยเฉพาะตัวริมฝั่งเจ้าพระยา แทรกตัวอยู่ท่ามกลางการเติบโตของเมืองอยู่อย่างเงียบๆ

บางแห่งเหมือนถูกละเลยให้ทรุดโทรมลงไปมาก มีปัญหาที่เราต้องร่วมกันเดินหน้าแก้ไข เช่น เส้นทางเดินเท้าบางพื้นที่เป็นชุมชนเก่าดั้งเดิมคับแคบ พื้นที่สาธารณะถูกปิดกั้น ด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนสถานที่สำคัญที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้เคียงคู่กับชุมชนและประเทศ เพราะเราต้องการให้การพัฒนาครั้งนี้มีความน่าเชื่อถือในทุกมิติ มีการรับฟังเสียงของทุกฝ่าย และมีการวางแผนออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ

กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้ สจล.และ มข.เป็นที่ปรึกษาโครงการสำรวจ ออกแบบและจัดทำแผนแม่บท พัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากสะพานพระราม 7 ถึงสุดเขต กทม. ระยะทางยาวรวม 57 กม. รวมถีงจัดทำโครงการนำร่อง 14 กม. จากสะพานพระราม 7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ความชัดเจนของการทำงานจะครอบคลุมถึง การสำรวจพื้นที่ ฟังความคิดเห็นและความต้องการของชุมชน ออกแบบ และจัดทำแผนงานที่จะทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นเป็นจริงได้

“ในด้านการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานครเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย เรามีนักท่องเที่ยวมาเยือนกรุงเทพปีละเกือบ 20 ล้านคน ถ้าเราสามารถจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีมากมายสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ก็จะกระจายรายได้สู่ประชาชนในชุมชน สร้างความหลากหลายในแหล่งท่องเที่ยว ความเจริญก็จะทั่วถึง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ” ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าว

ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ อธิการบดี สจล. กล่าวว่า ในด้านวิสัยทัศน์การทำโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา อยู่ภายใต้แนวคิด "เจ้าพระยาเพื่อทุกคน" (Chao Phraya for All)  เราเน้นการอนุรักษ์ สืบสาน และสร้างสรรค์ เป็นการพัฒนา ปฏิรูปและฟื้นฟูพื้นที่ริมเจ้าพระยาครั้งใหญ่ โดยฟังความคิดเห็นของ 34 ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และทุกภาคส่วน 

ในอนาคตอันใกล้นี้พี่น้องประชาชนจะได้มีส่วนร่วมและมีประสบการณ์กับการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยาในทุกมิติ ได้แก่ โครงการจะอนุรักษ์ฟื้นฟูกรุงรัตนโกสินทร์ 3 ด้าน คือ เมือง แม่น้ำ และมรดกแห่งภูมิปัญญาที่มีชีวิต, สืบสานของดีที่ชุมชนมีอยู่ หรือที่จะสูญหายไปนำกลับมาประยุกต์ใช้ เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณค่าแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ทางเดิน และทางจักรยาน รวมทั้งพื้นที่สาธารณะ, ลานกีฬา สวนสาธารณะ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ชุมชน

โครงการนี้เราไม่ได้สร้างถนนให้รถยนต์วิ่ง เราทำทางเดินและทางจักรยานที่ไม่ได้สูง หรือเป็น superstructure และไม่ได้ทำกำแพงเขื่อนสูงริมเจ้าพระยา อย่างที่เคยมีภาพจากผู้ที่ไม่ได้มีส่วนในการศึกษาโครงการพยายามเผยแพร่ และสื่อสารในสื่อต่างๆ

แต่เราจะพัฒนาพื้นที่สาธารณะและทางเดินเพื่อประชาชนให้เข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ต่อเนื่อง โดยผ่านชุมชนต่างๆ และเป็นการใช้ศักยภาพการลงทุนพัฒนาของภาครัฐ โดยมีภาคการศึกษาคือมหาวิทยาลัยเข้ามาเสริม ที่สำคัญคณะที่ปรึกษาได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบให้การลงทุนก่อสร้างแผนงานในอนาคตมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สวยงาม มีอารยสถาปัตย์ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศไทย โดย สจล. และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมศิลปากร และคณโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ในการศึกษาแง่มุมคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมรดกทางวัฒนธรรม

ตลอดระยะเวลาดำเนินการโครงการ 210 วัน ทีมที่ปรึกษาได้การดำเนินงานสำรวจพื้นที่ ได้ออกแบบและจัดทำแผนแม่บท 12 แผนงานที่จะทำให้เกิดความสวยงามมีระเบียบให้ทุกคนเข้าริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้สะดวกขึ้นเพิ่มพี้นที่สีเขียวให้ชุมชนและประชาชน

“กรุงเทพมหานครเป็นเมืองแห่งศิลปะ ไม่แพ้เวนิส ริมฝั่งเจ้าพระยาจะสร้างแรงบันดาลใจแห่งงานศิลป์ จิตรกรจะได้มานั่งวาดรูป เด็กๆ มาเล่นดนตรี ร้องเพลง ประสานเสียงกับสายน้ำ หากคนกรุงเทพฯ และคนไทยมีโอกาสได้เข้าถึงเจ้าพระยาอย่างเท่าเทียม จะได้รับแรงบันดาลใจจากพลังแห่งสายน้ำ พลังแห่งวัฒนธรรมไทย เพราะความดีงาม ความสวยงามในใจของมนุษย์จะเกิดพลังสร้างสรรค์ที่ดีที่สุด” อธิการบดี สจล.กล่าว

รศ.ดร.สกุล ห่อวโนทยาน ผู้จัดการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวสรุปแผนแม่บทให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า ผังแม่บทพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาระยะนำร่อง 14 กม. เริ่มจากสะพานพระราม 7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ประกอบด้วย 12 แผนย่อย ในแนวทางอนุรักษ์-สืบสาน-สร้างสรรค์ พอจะเสนอได้คร่าวๆ ดังนี้

แผนงานจัดทำทางเดินและทางจักรยานริมแม่น้ำกว้าง 7-10 เมตร, รวมถึงแผนการปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อนกันน้ำท่วมเดิมให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม, แผนพัฒนาท่าเรือโดยสารเรือสาธารณะ ให้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมความสอดคล้องเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่, แผนพัฒนาศาลาท่าน้ำให้เป็นจุดพักผ่อน ศาลาคอย และชมทัศนียภาพริมน้ำ, ปรับปรุงตรอกซอกซอย ทางเดิน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดียิ่งขึ้นแผนจัดทำพื้นที่บริการสาธารณะ ศูนย์บริการความช่วยเหลือ

ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว, จุดบริการจักรยาน, แผนงานโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชน ที่เน้นการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการฟื้นฟูและอนุรักษ์วัฒนธรรมและสืบสานวิถีชีวิตของชุมชนที่มีมาในอดีตให้เป็นแหล่งเรียนรู้และการท่องเที่ยว, แผนพัฒนาพื้นที่นันทนาการและสวนสาธารณะริมน้ำของประชาชนจะใช้เป็นลานเต้นแอโรบิค ที่วิ่งออกกำลังกาย ที่นั่งพักผ่อน

แผนจัดทำสะพานคนเดินข้าม ใหม่ 2 จุด คือ จากชุมชนสะพานพิบูลฝั่งซ้าย ข้ามไปยังท่าเรือวัดฉัตรแก้วจงกลณี ฝั่งธนบุรี, จากห้างแมคโคร สามเสน ข้ามไปยังท่าทราย จรัญฯ 84 ปรับปรุงทางเดินเท้าและทางจักรยานบนสะพานเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปลอดภัย ได้แก่ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า, สะพานพระราม 8, สะพานกรุงธน, สะพานพระราม 7, ใต้สะพานทางรถไฟสายสีน้ำเงิน, เลียบคลองบางซื่อ-คลองบางอ้อ

ตลอดจนแผนพัฒนาสถาปัตยกรรมกรุงรัตนโกสินทร์ เราจะเชื่อมต่อพิพิธภัณฑ์กรุงเทพมหานคร, สวนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 7, พิพิธภัณฑ์มรดกเจ้าพระยา, ศูนย์ศิลปะการแสดงแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์โรงเรือพระราชพิธี ให้เข้าชมได้สะดวกยิ่งขึ้น ให้เป็นจุดหมายตาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (River Landmark)

เราจะใช้เทคโนโลยีในการจัดการโครงสร้างเพื่อไม่ให้กีดขวางทางน้ำไหลหรือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงขยะมูลฝอย เราจะให้ความสำคัญกับการสร้างทางเดินที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้านที่ถูกกฎหมาย และถ้ามองในภาพใหญ่การจัดทำโครงการนี้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำป้องกันการอุดตันของน้ำในช่วงที่น้ำหลากได้อีกด้วย ปัญหาอุทกภัยในอนาคตจะได้รับการดูแล คลองเชื่อม ทางระบายน้ำจะมีความสอดคล้องกันเป็นระบบ จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำขังอย่างครบวงจรไปพร้อมกัน

“ในด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นเชิงผลดีคือการออกแบบที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ด้วย การบูรณาการความคิดเห็นกับประชาชนทีอยู่ในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรวมทั้งความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในประเด็นด้านการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณภาพชีวิต” รศ.ดร.สกุลกล่าว