ความคืบหน้าคดี รศ.ดร.อัจฉรา ภาณุรัตน์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) สุรินทร์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ดร.สุเมธ แย้มนุ่น อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา (กกอ.) และนายอภิชาติ จิราวุฒิ เลขาธิการ กกอ. (ในขณะนั้น) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ซึ่งโจทก์ฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2551-30 กันยายน 2554 จำเลยที่ 1 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อโจทก์ เพื่อไม่ให้โจทก์มีคุณสมบัติเป็นอธิการบดี มรภ.สุรินทร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สภา มรภ.สุรินทร์ได้เสนอชื่อโจทก์เป็นอธิการบดี แต่จำเลยทั้ง 2 กลับเพิกเฉย และอ้างเหตุที่โจทก์ถูกสอบสวน ไม่ทูลเกล้าฯให้แต่งตั้งเป็นอธิการบดี มรภ.สุรินทร์

ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

แต่ถัดมาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 โจทก์ยื่นขอถอนฟ้องนายอภิชาติ จำเลยที่ 2 ส่วนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ให้ยกฟ้อง ดร.สุเมธ จำเลยที่ 1 ซึ่งต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย

กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.2736/2555

ซึ่ง ดร.อัครเดช สุพรรณฝ่าย รองอธิการบดี มรภ.สุรินทร์ ตัวแทนของ ดร.อัจฉรา โจทก์ ได้เปิดเผยภายหลังรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวว่า ศาลมีคำพิพากษากลับให้ลงโทษจำคุก ดร.สุเมธเป็นเวลา 1 ปี และปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ แต่โทษจำคุก ศาลให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี

“เป็นเวลาถึง 8 ปีแล้ว ที่สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. เสนอชื่อ ดร.อัจฉราเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดี มรภ.สุรินทร์ แต่ สกอ.ก็อ้างเหตุต่างๆ ที่จะไม่นำชื่อเสนอเพื่อโปรดเกล้าฯ ศาลจึงมีคำพิพากษาว่ากระทำผิด และให้ลงโทษดังกล่าว” ดร.อัครเดชกล่าว