รมช.ศธ.ตรวจเยี่ยมโรงเรียน EP/MEP สังกัด สพม.ที่สกลนคร


นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจเยี่ยมโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ (English Program และ Mini English Program : EP/MEP) ของโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล อ.เมือง จ.สกลนคร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 23 เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ต้องการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการจัดการเรียนการสอน EP/MEP ของโรงเรียน เพราะถือเป็นนโยบายสำคัญในการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในทุกหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้มารับฟังรายงานผลการจัดการเรียนการสอนที่สอนโดยครูไทยและครูชาวต่างประเทศ ซึ่งจ้างมาจาก 5 ประเทศคือ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งครูชาวจีนและเกาหลีที่สอนภาษาดังกล่าว พร้อมทั้งรับฟังการใช้ภาษาอังกฤษจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายที่เรียนในโปรแกรม EP/MEP   จำนวน 111 คน แยกเป็น ม.ต้น 3 ห้องเรียน (82 คน) และ ม.ปลาย 2 ห้องเรียน (29 คน)

จากการสอบถามครูชาวต่างประเทศ ก็ได้แสดงความห่วงใยในการเรียนการสอน EP เพราะหากเด็กไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่ลึกซึ้งพอ ยิ่งจะทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะวิชาที่มีความยากอยู่แล้ว เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฯลฯ หากเด็กเข้ามาเรียนในโปรแกรมนี้โดยยังไม่มีความพร้อมด้านภาษาหรือไม่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษที่ดีพอ แต่ปล่อยให้เรียนโดยให้เด็กฟังไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้เด็กไม่ได้ทั้งภาษาอังกฤษและวิชา ซึ่งทำให้โรงเรียนต้องจัดครูไทยมาสอนอีกรอบ แต่หากเราไปดูต่างประเทศที่เรียน EP จะพบว่าสิ่งที่ต้องเน้นกลับไม่ใช่วิชาต่างๆ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นจัดการเรียนการสอนมากกว่าปกติคือภาษาอังกฤษ ดังนั้นแนวคิดที่หวังจะใช้ "วิชา" เป็นตัวถ่ายทอด "ภาษาอังกฤษ" ก็จะทำให้ไม่ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งคู่

“จึงฝากข้อคิดว่าเราต้องการจะสอนโดยเน้นไปที่คุณภาพหรือจะทำในรูปแบบแบบเดิมๆ เพราะหากเราต้องการให้ EP ประสบความสำเร็จดังที่มุ่งหมายจริงๆ ควรจะต้องมีการทบทวนวิธีการสอน หรือจัดครูที่ได้มาตรฐาน หรือนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยสอน มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกผู้ปกครองให้เข้ามาเรียนด้วยความหวัง เพราะหากจบ EP แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์”

รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กล่าวต่อว่า การเรียนการสอน EP จำเป็นต้องฝึกให้นักเรียนกล้าพูดกล้าแสดงออก เพราะปัญหาคือเด็กไทยจำนวนมากยังไม่กล้าตอบหรือสนทนา เพราะเด็กยังห่วงที่จะรักษาหน้าตัวเอง กลัวผิด หรืออายเพื่อน ทั้งที่การใช้ภาษาอังกฤษให้ได้ดีจำเป็นต้องฝึกด้วยตนเอง ไม่มีทางลัด (Shortcuts) ใดๆ ที่จะทำให้พูดได้ และอย่าเห็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก เพราะแม้แต่ตนเองโตมาจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก็ยังเรียนรู้ที่จะใช้ภาษาอังกฤษจนสามารถสื่อสารได้ หรือแม้แต่โทนี่ จา (จา พนม) นักแสดงที่มีชื่อเสียงของไทยที่ไม่สามารถพูดอังกฤษได้ แต่เมื่อเรียนเพียง 1-2  ปี ก็สามารถให้สัมภาษณ์ฮอลลีวู้ดเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่อง

ทั้งนี้ นายแพทย์ธีระเกียรติได้กล่าวแสดงความพอใจในการเรียนการสอนและความตั้งใจของครูทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้ รวมทั้งฝากว่า หากโรงเรียนที่มีความพร้อมทั้งงบประมาณ การเปิดหลักสูตร และมีครูชาวต่างชาติเข้ามาช่วยสอนแล้วยังไม่สำเร็จ ยิ่งจะทำให้โรงเรียนอื่นที่มีความพร้อมน้อยกว่า จะยิ่งมองไม่เห็นความสำเร็จในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ จึงเป็นกำลังใจให้ และพร้อมจะให้การสนับสนุนต่อไป