จากกรณีภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องถึง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ใช้อำนาจสั่งระงับและตรวจสอบเอาผิดกับข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์และอุปกรณ์เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนเอกชน ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เนื่องจากพบว่าส่อมีความไม่ชอบมาพากล โดยมีลักษณะส่อเข้าข่ายมีการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชนผู้ขายบางราย ตามรายละเอียดสเปกข้อ 13 ของการประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 ที่ระบุว่า “ผู้ขายต้องบรรจุสื่อดิจิทัลคอนเทนท์เพื่อการศึกษาอยู่ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือ Experternal hard disk สำหรับแบบที่ 1 หรือติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) สำหรับแบบที่ 2 โดยผู้ขายต้องติดต่อขอรับสื่อดิจิทัลคอนเทนท์ที่ สช. ซึ่งมีรายละเอียดครอบคลุม 8 กลุ่มสาระเรียนรู้ ถ้าไม่มีสื่อดังกล่าวต้องขอ สช.ให้ช่วยบรรจุ” ซึ่งมีการร้องเรียนกล่าวหาว่า สช.ให้สื่อเฉพาะบริษัทเอกชนบางแห่งเท่านั้น ทำให้เอกชนรายอื่นๆ ส่งของไม่ทันภายใน 31 กรกฎาคม 2558 นี้

ทั้งนี้ ภตช.ยังชี้ถึงความไม่ชอบมาพากลในลักษณะดังกล่าวกับโครงการจัดซื้อทีวี-โน้ตบุ๊ก ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วงเงิน 5,700 ล้านบาท ซึ่งมีการแปลงงบฯมาจากงบฯจัดซื้อแท็บเล็ตจาก 4 โซน

ต่อมา พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจริง และได้มอบหมายให้ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วว่าการดำเนินการดังกล่าวถูกต้องและเป็นไปตามระเบียบราชการว่าด้วยเรื่องพัสดุหรือไม่ ส่วนประเด็นกล่าวหาที่ว่าอาจมีการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนบางรายนั้น ตนคิดว่าคงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะถ้าทำเช่นนั้นจริง ก็เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

กระทั่ง รศ.นพ.กำจรได้สั่งการให้ สช.ยุติการจัดซื้อครุภัณฑ์โครงการดังกล่าว โดยกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเรื่องการล็อกสเปกถือเป็นเรื่องรอง แต่ที่น่าห่วงคือกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ตรวจพบไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องพัสดุ เพราะการให้โรงเรียนเอกชนที่ได้รับจัดสรรไปจัดซื้อจัดจ้างเองตามสเปก สช.ไม่มีระเบียบราชการใดรองรับ แม้จะระบุว่าเป็นมติของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ก็ตาม เนื่องจากเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้น ตนจึงได้แจ้งให้ สช.ยุติการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไปก่อน พร้อมทั้งให้ตรวจสอบและดำเนินการในทุกๆ ขั้นตอนให้เป็นไปตามระเบียบราชการต่อไป ยังดีที่มีการร้องเรียนและเมื่อตรวจสอบพบว่าทำไม่ถูกต้อง ก็ต้องหยุดและปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง

แหล่งข่าวระดับสูงใน ศธ. เปิดเผยว่า สเปกที่ สช.กำหนดเป็นไปตามสเปกกลางของสำนักงบประมาณ ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างของ สพฐ.ก็ใช้สเปกเดียวกัน ถ้าจะผิดเรื่องสเปก ก็คงต้องผิดกันทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีของ สพฐ.มีการกำหนดสเปกให้บริษัทเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องส่งของให้โรงเรียนแล้วเสร็จภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ชนะการประมูล ดังนั้น หากไม่มีการเตรียมสต๊อกสินค้าอยู่ในมืออยู่ก่อนแล้ว คงไม่มีบริษัทเอกชนรายไหนกล้าเข้าร่วมประมูล เพราะต้องใช้สินค้าจำนวนมาก

ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงใน ศธ. เปิดเผยด้วยว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ หรือ ภตช.ในทำนองกล่าวหาว่า มีหลักฐานคลิปวีดีโอทั้งภาพและเสียงการเจรจาเกี่ยวกับผลประโยชน์การจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการดังกล่าวทั้งของ สช.และ สพฐ. ระหว่างคนใกล้ชิดของผู้บริหารระดับสูงใน ศธ.คนหนึ่ง กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งหากินกับงบประมาณจัดซื้อเทคโนโลยีสารสนเทศ เครื่องคอมพิวเตอร์ใน ศธ.มานานนับสิบปีแล้ว โดยระบุว่าหลักฐานดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงใน ศธ.คนดังกล่าวในเร็วๆ นี้แน่นอน