ศธ.จ่อเปลี่ยนเกณฑ์เข้าสู่ ตน.ผู้บริหารสถานศึกษา สพฐ.-อาชีวะ เพิ่มช่องทางก้าวหน้าครูรักการสอน ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ

ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือเรื่องมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและความก้าวหน้าในการเป็นครูสายผู้สอน  รวมทั้งการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ

โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหามาโดยตลอด เนื่องจากระบบการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาทำให้ได้ผู้บริหารที่อายุยังน้อย ขาดประสบการณ์ และไม่สามารถปกครองครูหรือบริหารการจัดการศึกษาได้ดีพอ ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษา

สำนักงาน ก.ค.ศ.จึงได้นำเสนอแนวทางปรับปรุงโดยมีประเด็นคือ ผู้ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และอาชีวศึกษา ควรจะต้องมีประสบการณ์การสอนอย่างน้อย 4-6 ปี และก่อนจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดจะต้องมีประสบการณ์ในสายบริหารอีกอย่างน้อย 4-5 ปี หรือโดยสรุปคือผู้ที่เริ่มต้นจากการเป็นครูและต้องการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 9-11 ปี จากเดิมครูที่จบระดับปริญญาตรีใช้เวลาประมาณ 4 ปี ก็สามารถสอบเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และใช้เวลาอีก 1 ปี ในการสอบเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ ซึ่งเชื่อว่าหลักเกณฑ์นี้จะทำให้ได้ผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น

ในขณะที่ พล.ร.อ.ณรงค์ได้ให้หลักการสำคัญต่อที่ประชุมว่า ครูที่อยู่ในสายการสอนและไม่ประสงค์จะเป็นผู้บริหาร ก็ควรจะได้รับความก้าวหน้ามั่นคงได้ทัดเทียมกับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารเช่นกัน จึงขอให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จัดวางระบบบริหารงานบุคคล  เพื่อให้ได้ผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์พอเพียงในการดูแลและบริหารจัดการสถานศึกษาได้ดี ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลส่งเสริมสนับสนุนครูที่รักการสอนให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ สามารถเก็บครูดีไว้กับเด็กได้ โดยไม่มีความแตกต่างหรือลักลั่นกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบในหลักการแนวทางดังกล่าว และขอให้นำเสนอคณะกรรมการ ก.ค.ศ.พิจารณาเห็บชอบต่อไป

ดร.อมรวิชช์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ในปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้แก่ ครูผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่มีสภาพยากลำบาก เช่น บนพื้นที่สูง พื้นที่ชายขอบ ตามเกาะแก่ง และพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ไม่สงบ เป็นต้น โดยจะมีการจ่ายเงินเพิ่มตามลักษณะความยากลำบากและลักษณะพิเศษของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งได้จ่ายเงินพิเศษในส่วนนี้ให้กับบุคลากรสายนิติการ และบุคลากรทางการศึกษาที่ดูแลการสอนผู้พิการอยู่แล้ว

เรื่องนี้ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.จึงมีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปสำรวจและเทียบเคียงการกำหนดเงินเพิ่มกับหน่วยงานอื่นๆ ที่มีการจ่ายเงินอุดหนุนลักษณะดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีการจ่ายเบี้ยกันดารให้กับข้าราชการทุกกระทรวงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ยากลำบาก รวมทั้งขอให้พิจารณาความเหมาะสม ตลอดจนหามาตรการจูงใจอื่นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูในพื้นที่ยากลำบากให้ได้ เช่น การย่นระยะเวลาในการประเมินวิทยฐานะ การนับอายุราชการเพิ่มสำหรับข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ยากลำบาก โดยให้จัดทำรายละเอียดและนำเสนอให้ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.พิจารณาต่อไป