"ณัฏฐพล" เมินเสียง ผปค.ประกาศเปิด ร.ร.1 ก.พ. พื้นที่ควบคุมโควิด-19 ยังพุ่ง

 

 

เสวนากับบรรณาธิการ

 

"ณัฏฐพล" เมินเสียง ผปค.ประกาศเปิดเรียน 1 ก.พ.                 

พื้นที่ควบคุมสูงสุด ยอดติดเชื้อโควิด-19 ยังพุ่ง!

วิชเทพ ฦๅชาฤทธิ์ : บรรณาธิการ

EunewsSiam : เสวนากับบรรณาธิการ 28 มกราคม 2564

 

สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ แม้หลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนคาดหวังว่าน่าจะเริ่มคลี่คลายได้ หากมีการบริหารจัดการที่ดี รวมไปถึงการมีวินัยของประชาชนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ให้ความร่วมมือต่อมาตรการสาธารณสุขแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมิอาจวางใจได้ว่า เมื่อใดจะถึงจุดหยุดยั้งการแพร่เชื้อระบาดและหวังว่าจะไม่หวนกลับในลักษณะกลายพันธุ์ที่หนักกว่าเดิม

ดร.ไมเคิล ไรอัน กรรมการบริหารประจำโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 อาจแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการฉีดวัคซีนให้ผู้คนในอนาคตอันใกล้ การกำจัดหรือทำลายไวรัสไม่ใช่เป็นสิ่งชี้วัดความสำเร็จ ตราบใดที่คนยังต้องป่วยและคร่าชีวิตผู้คน

เห็นจากตัวเลขผู้ล่าสุดติดเชื้อทั่วโลกกว่า 100,351,417 คน เสียชีวิตแล้ว 2,151,569 ราย เฉพาะสหรัฐอเมริกา รั้งอันดับ 1 ติดเชื้อแล้ว 25.8 ล้านคน เสียชีวิต 4.3 แสนคน และ รายงานจากเว็บไซต์ข่าว BBC ยืนยันอังกฤษ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทะลุ 100,000 ศพแล้ว

นี่ขนาดเป็นประเทศมหาอำนาจที่นานาประเทศในโลกยกให้เป็นหนึ่งแทบทุกด้านแล้ว ยอดผู้ติดเชื้อระบาดเจ็บป่วยและล้มตายยังขนาดนี้ แล้วประเทศไทยจะต้องตกในเฝ้าระวังกันหนักขนาดไหนกับการดูแลป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม อันเนื่องจากการไร้วินัย ไร้สำนึกของคนบางกลุ่มบางคน เพียงคิดแค่ประโยชน์ตนเอง โดยไม่ยอมปฏิบัติตามคำร้องขอหรือผู้นำไม่ยอมรับฟังเสียงรอบด้าน เข้าทำนอง มิเห็นโลงศพ ก็มิหลั่งน้ำตา ทำนองนั้น

และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 เป็นการรับทราบทั่วกันว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ถึงการเปิดการเรียนการสอนของสถานศึกษาทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน ในสังกัดและในกำกับของศธ.ตามปกติพร้อมกันใน 28 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปนั้น

สื่อหลายฉบับลงข่าวตรงกันว่า ได้รับมอบหมายจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ชุดเล็ก)ให้ชี้แจงถึงการเปิดเรียน โดยมีข้อสรุปว่าการเปิดเรียนในวันที่ 1 ก.พ.2564 เป็นต้นไปนั้น  ต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขและมาตรการของหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเคร่งครัด

แต่กลับมีเงื่อนไข หากมีเหตุการณ์ต้องติดตามหรือเปลี่ยนแปลง ต้องยึดประกาศจากศบค.ชุดใหญ่อย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 29 มกราคม อีกครั้งหนึ่ง

นี่คือที่มาของคำถาม ช่วงระยะห่างอีกแค่ 2 วัน ทำไม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงรอการตัดสินใจของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้อำนวยการ ศบค.ไม่ได้ แต่มีคำตอบมาว่า เพื่อโรงเรียนและผู้ปกครองจะได้มีเวลาเตรียมพร้อม 

จึงเท่ากับการที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ร้อนลนประกาศเปิดเรียนออกไปนั้น จึงเป็นการสร้างความสับสนมากมายในสังคมว่าเป็นอำนาจของ กระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศบค.ชุดเล็ก หรือ ศบค.ชุดใหญ่ กันแน่

แน่นอนว่า ในจำนวนนี้มีสถานศึกษาจำนวนมิใช่น้อยใน กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็น พื้นที่สีแดงเข้ม ควบคุมสูงสุด รวมอยู่กับประกาศด้วย จากนั้นจะมีการประเมินจาก ศบค.หลังเปิดเรียนไปถึงวันที่ 15 ก.พ. ก่อน หากสถานการณ์ดีขึ้นจึงจะจัดการเรียนการสอนได้ตามรูปแบบปกติ

จะมีเพียงสถานศึกษาในจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดเดียวเท่านั้น ที่ยังคงต้องปิดเรียนไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่ก็อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มเช่นกัน เพียงต่างกันแค่ข้อความที่หมายถึง พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน เช่น การสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจจัดการเรียนการสอนโดยใบสั่งงานหรือมอบหมายงานตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียน

หากจะตีความในเรื่องสีแดงเข้ม คือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และใช้ สีแดงเข้มเฉดเดียวกัน ใน จ.สมุทรปราการอันเป็น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ใช้กับจังหวัดสมุทรสาคร ก็น่าจะเป็นสีที่บ่งบอกถึงโซนอันตรายที่ทุกชีวิตต้องปฏิบัติไม่ย่อหย่อนต่างกว่ากันแม้แต่น้อย

สำหรับการแบ่งโซนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงไปเสี่ยงต่ำ (แดง-ส้ม-เหลือง-เขียว) เพื่อใช้มาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ นั้น ๆ เชื่อว่า ส่วนใหญ่เข้าใจได้ ในยามเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ทุกแห่งต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขและมาตรการของหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว

แต่คงต้องย้อนถาม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ขนาดจังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ใน โซนสีแดงเข้ม เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเฝ้าระวังรวมอยู่ด้วย หลุดออกมาจากมาตรการกฎเหล็กนี้ได้อย่างไร และมั่นใจขนาดไหน หากมีอะไรเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ ณ วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะขยายเวลาเปิดเรียน น่าจะดีกว่ารอเด็กๆ ไปโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 1-14 กุมภาพันธุ์ 2564 แล้ว จึงมีการประเมินจาก ศบค.หลังเปิดเรียนถึง 15 วัน

เชื่อว่า หากจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม หาทางป้องกันเสียก่อนเกิดความสูญเสีย แม้ว่าหากมีเหตุการณ์ติดเชื้อขึ้นมาแม้คนเดียว นั่นหมายถึง ความล้มเหลว ความเชื่อมั่นจะส่งผลต่อความหายนะของระบบสาธารณสุขและรัฐบาลสิ้นเชิง  

นับเป็นเรื่องที่ดี หากจะมี ศบค.ชุดใหญ่ เข้ามาร่วมประกาศรับรอง ชี้แจง แนะนำ ทำความเข้าใจอย่างเป็นทางการ ถึงเรื่องของการเปิดการเรียนการสอนสถานศึกษาทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน ในสังกัดและในกำกับของศธ.ในเร็ววัน  

เข้าใจว่า เนื่องจากมีทั้งเสียงเชียร์ให้เปิดร.ร.และให้ขยายการปิดเรียนต่อไปก่อนในหลากหลายทัศนะและความรู้สึก ต่างก็มีเหตุผลรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย แต่มีการมองไปในมุมความได้เปรียบเชิงรุกของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่จะเลือกเป็นเกมหนึ่งของศธ.ที่ทำให้ตนเองเสียหายน้อยที่สุด คือการประกาศให้เปิดเรียน ในวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ โดยเอาหลังอิงทั้งศบค.ชุดเล็ก ตามมาด้วยอำนาจสูงสุด ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะประกาศิตให้ปิดต่อหรือเดินหน้า หากมีอะไรผิดพลาด ศธ.ย่อมลอยตัวเหนือปัญหา

แต่หารู้ไหมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำลังกำเผือกร้อนอยู่ในมือ ที่ไม่มีใครยินดีรับไปไว้ อันเนื่องมาจากการดำเนินงานบริหารงานราชการ มีความผิดพลาดหลายประการ จนนำไปเป็น 1 ใน จำนวนรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านหยิบยกขอออภิปราย

ตอนนี้ยิ่งกว่าเผือกร้อนอยู่ในมือ ศบค.ชุดใหญ่ มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ เป็นไปอย่างที่ ศธ. ประกาศเป็นคำสั่งออกมาแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ แต่อีก 15 วัน สรุปกันอีกหน หรือ ทางเลือกที่ 2 ขยายวันหยุดเรียนออกไปก่อนถึง 15 กุมพาพันธุ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ จนกว่าจะเกิดความมั่นใจ เด็กนักเรียนน่าจะปลอดภัยกว่าด้วยประการทั้งปวง

อย่างไรก็ตาม หลังจาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ออกประกาศให้เปิดเรียนในวันที่ 1 ก.พ.นี้ พร้อมกันใน 28 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน พลันมีเสียงแสดงความเห็นทักท้วงจากบรรดาผู้ปกครองไม่เห็นด้วย

และตั้งคำถามผ่านไลน์หลักของกระทรวงศึกษาธิการมากมาย https://moe360.blog/2021/01/27/ รมว-ศธ-ลงนามประกาศฯ-เปิด/ ถึงการให้เปิดการเรียนการสอนในสถานศึกษา จังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด สีแดงเข้ม อาทิ

ผู้ใช้นาม Sasi Posayajindaทราบมาว่าสำหรับโรงเรียนเอกชนบางโรงเรียน เช่น ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน ร.ร.วัฒนาฯ ประกาศเลื่อนเปิดเรียนไปเป็น 15 กพ. 64/ และสาธิตปทุมวัน เลื่อนเปิดเป็นวันที่ 8 กพ.64 แสดงว่าถ้าเป็นโรงเรียนเอกชน แต่ละแห่งก็จะเปิดไม่เหมือนกัน ใช่ไหมคะ 

Kae Sure : พื้นที่ไม่ติดเชื้อเพิ่มก็ควรเปิดเรียนแต่มีมาตรการตามด้านบนไปค่ะ ส่วนกรุงเทพฯนี่แน่ใจแล้วเหรอคะ ว่าจะไม่ระบาดในโรงเรียน ถ้ามีการติดเชื้อในโรงเรียนเกิดขึ้น ศธ. มีนโยบายรองรับยังไงบ้างคะ ขอแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนค่ะ 

Patiima Koo : ในกรณีที่นร.มีพื้นเพอาศัยอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่เดินทางเข้ามาเรียนในรร.เขตพื้นที่กรุงเทพมหานครละคะจะมีมาตราการ สำหรับกลุ่มนี้อย่างไร

หรรษา เจ้าแสงฟ้า : ทำไมเด็กๆ เหมือนโดนคำสั่งให้ไปเผชิญสงครามโรคเลย ต้องเตรียมพร้อมรบ มีทั้ง...เจล, แอลกอฮอล, แมส, สบู่, กระดาษเช็ดมือ, ขวดน้ำประจำตัว พร้อมความวิตกกังวล 2 เท่า 

Gik Somsak Han : มั่นใจแล้วนะครับว่าระบบขนส่งมวลขนที่เด็กต้องใช้บริการไปกลับจากบ้านถึงรร. จากรร.ถึงบ้านจะไม่ติดเชื้อโควิท19 นะ 

Sanjaroen Kanjana : น่าจะเลื่อนเปิดเทอมไปอีก 15 วัน นะคะ ยอดผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่เลย ยังไม่สายเกินแก้คำสั่งค่ะ 

Mam Arpo Taecho : แม้ไม่อยากให้ลูกเรียนออนไลน์ แต่ก็ยังดีกว่าส่งลูกไปสู้กับเชื้อโรค ทำไมต้องให้เด็ก ๆ เล็ก ๆ รีบเปิดเทอมหรือว่ากลัว ผู้ปกครองทวงคืนค่าเทอมเอกขน

Tk Gr Babies ในฐานะผปค.เด็กอยากนำเสนอให้เด็ก ป.6, ม.3, ม.6 กลับมาเรียนก่อนให้จบหลักสูตร เพื่อที่จะสามารถหาที่เรียนต่อในอนาคตต่อไป คือ อีกไม่กี่เดือนก็จะจบอยู่แล้ว หรือจะชะลอในส่วนชั้นอื่นออกไปก่อนพอจะเข้าใจได้ เน้นเรียนแต่วิชาหลักให้จบเพื่อไปสอบต่อได้ก็พอ #ลูกป.6 

เอกชัย : สงสารเด็กนร.จัง ไปร.รไม่รู้จะติดเชื้อกลับมาบ้านวันไหนยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกวัน 

ญติพัฒน์ นาแนวสุข : สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงใคร่ขอความกรุณาทางศธ.พิจารณาในการให้โรงเรียนเปิดเรียนวันที่ 1 กพ 64 เสียใหม่ เพราะถ้าเด็กนักเรียนติดเชื้อมามันจะแผ่วงกว้าง เพราะเด็กยังไม่มีความรับผิดชอบต่อตนเองได้เท่าที่ควร ไม่เช่นนั้นการที่เรียนออนไลน์ที่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อที่ผ่านมา จะเป็นการเปล่าประโยชน์มากค่ะ จะไม่คุ้มกับการที่เด็กจะไปเสี่ยงกับการรับเชื้อค่ะ โดยส่วนตัวมีความสุข และสบายใจมากที่ได้ให้ลูกเรียนอยู่ที่บ้านค่ะ

วีระพล แซ่โง้ว : อยากจะให้ทำแบบสอบถามผู้ปกครองว่าอยากให้ส่งลูกไปโรงเรียนไหม ในสถานการณ์ที่คนติดเชื้อยังมากขนาดนี้ เพราะขนาดนี้การเรียนออนไลน์ก็เข้าที่ดีอยู่แล้ว ผมเชื่อไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ไม่เห็นด้วยให้เปิด ขอให้ท่านทบทวนใหม่อีกรอบ หากมีเด็กติดโควิดจากโรงเรียนแล้วมาติดคนแก่ที่บ้าน ใครรับผิดชอบครับ

รณชัย เอนคาร์นาเซา : ท่านยืนยันจะเปิด ผมก็ยืนยันไม่ให้ลูกไปโรงเรียนเช่นกัน จบนะ

วธันญา ภู่เจริญ : ไม่เห็นด้วยกับการเปิดเทอมวันที่ 1 นี้ แค่นั่งติดกันถึงจะใส่แมสก็สามารถติดต่อกันได้ ไหนจะต้องการเดินทางอีก ใช้อะไรคิด

apichet panjarat : ไมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะรีบเปิดเรียน 1 กพ 64

ความคิดเห็นต่างๆ ดังกล่าว มีแหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ แคปข้อความส่วนหนึ่งไว้แล้วส่งมาถึง สำนักข่าว EunewsSiam  

EunewsSiam : เสวนากับบรรณาธิการ 28/01/64  

  

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)