จดหมายเปิดผนึก “รัชชัยย์ ศรสุวรรณ”...ส่งถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศธ.

กราบเรียน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศธ. ที่เคารพ ครับ

        ก่อนอื่นขอแสดงความเห็นใจในเรื่องคดีความของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นั้นถ้าผลของการต่อสู้คือความสำเร็จ และท่านไม่ได้อะไรตอบแทนในทางส่วนตัว ผมจะยกย่องว่าท่านเป็นวีรบุรุษ แต่เมื่อการต่อสู้สำเร็จ ท่านได้รับการปูนบำเหน็จเป็น รมว.ศธ. ผมจึงขอวางเฉย เพราะท่านได้รับผลตอบแทนสูงมากแล้ว

แต่ก็ขอให้กำลังใจท่าน ขอให้ท่านปลอดภัยจากคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุด 

ท่านครับ ผมรอที่จะส่งหนังสือนี้ถึงท่าน หลังจากที่ท่านได้รับการประกันตัว เพื่อท่านจะได้มีโอกาสอ่านและอธิบาย ส่วนในเรื่องการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ที่ท่านสื่อสารออกไปว่า ท่านได้วางรากฐานทางการศึกษาที่ดีไว้ และหวังว่ารุ่นต่อไปจะเดินตามแนวทางของท่านนั้น

ผมไม่ทราบว่าท่านได้วางแนวทางอะไรไว้ แต่สิ่งที่พวกผมอยากได้ และท่านก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะทำให้ มีดังนี้

          ๑.พวกผมขอร้องให้ท่านจัดการให้พวกผมที่เป็นครูให้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว อย่าให้ต้องทำงานอื่นเลย ท่านก็ไม่ได้ทำ

          ๒.พวกผมขอร้องให้ระบบการเลื่อนวิทยฐานะของครู เป็นระบบเลื่อนไหลเหมือนทหารตำรวจ ไม่ต้องทำผลงาน ไม่ต้องทำเอกสาร เมื่อครบเกษียณอายุราชการก็ให้ได้เชี่ยวชาญ ท่านก็ไม่ได้ทำ

         ๓.พวกที่เป็นครูอัตราจ้าง ทำงานมามากกว่าห้าปี มีประสบการณ์ และได้รับการตรวจสอบประเมินเพื่อต่อสัญญาจ้างทุกปี ควรได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ เรื่องเช่นนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการให้เป็นตัวอย่าง โดยได้บรรจุลูกจ้างชั่วคราวให้เป็นข้าราชการแล้วหลายพันอัตรา แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๔.พวกที่เป็นข้าราชการครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ เงินเดือนเต็มขั้น เกษียณอายุราชการ เคยได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอให้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย และที่ผ่านมาก็ได้รับพระราชทานความเมตตาพระราชทานเครื่องราชฯ ชั้นสายสะพาย ให้พวกผม 

แต่ครั้งนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯไม่เสนอชื่อ ทั้งๆ ที่มิได้ทำความผิดอะไร จึงทำให้ไม่ได้รับพระราชทาน ท่านในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของพวกผม ควรที่จะดำเนินการใดๆ สักอย่างเพื่อให้พวกผมได้รู้สึกว่าท่านใส่ใจพวกผม แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๕.พวกที่เป็นครูบรรจุใหม่ เมื่อทำงานครบสองปีแล้ว อยากจะขอมีสิทธิการย้ายกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ภูมิลำเนาตนเอง เพื่อดูแลบุพการี แต่ก็ไม่สามารถย้ายได้ เพราะหลักเกณฑ์ที่จะได้ย้ายต้องรับราชการครบสี่ปี

ทั้งที่การขอย้ายกลับภูมลำเนาตัวเอง เพื่อกลับไปสร้างประโยชน์ทางการศึกษาให้กับบ้านเกิด และดูแลบุพการีของตัวเอง พวกผมเรียกร้องให้ท่านแก้ไขหลักเกณฑ์การย้าย แต่ท่านก็ไม่ใส่ใจที่จะแก้ไขหลักเกณฑ์การย้าย ในขณะที่ข้าราชการสังกัดอื่นทำงานแค่สองปี ก็มีสิทธิย้าย

        ๖.พวกผมเรียกร้องขอให้ท่านจัดสรรอัตรากำลังนักการภารโรงให้แต่ละโรงเรียน อย่างน้อยโรงเรียนละหนึ่งคน แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๗.พวกผมเรียกร้องให้ท่านดำเนินการด้วยวิธีการใดๆ ในการเสนอให้มีการยกเลิกมติ ครม.ที่ไม่ให้บรรจุตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนในโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า ๑๒๐ คน เพราะส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๘.พวกผมเรียกร้องให้ท่านอย่ายุบโรงเรียนขนาดเล็กโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด เพราะจะทำให้นักเรียนและผู้ปกครองเดือดร้อน ควรให้แต่ละแห่งเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๙.พวกผมเรียกร้องให้ท่านดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องอำนาจการบังคับบัญชาสำหรับข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งเดิมเป็นอำนาจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา แต่ถูก คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ (คำสั่งที่ ๑๙) ให้โอนอำนาจดังกล่าวไปเป็นอำนาจของศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งเป็นข้าราชการคนละสังกัด

แต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายังคงต้องรับผิดชอบเรื่องคุณภาพการศึกษา ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาลดลง เพราะผู้มีหน้าที่ดูแลจัดการศึกษาไม่มีอำนาจในการให้คุณให้โทษกับผู้ปฏิบัติ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ

        ๑๐.อัตรากำลังคนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวนหลายพันอัตรา ซึ่งท่านควรจะได้นำอัตรากำลังดังกล่าวไปใช้ในเรื่องการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน

แต่ท่านกลับตัดโอนอัตรากำลังคนจำนวนหลายพันคนนี้ไปให้กับส่วนราชการอื่น เช่น สำนักงานปลัดกระทรวง (สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด/สำนักงานศึกษาธิการภาค) ทั้งๆ ที่หน่วยงานดังกล่าวมิได้เป็นหน่วยงานที่จัดการศึกษาโดยตรง แต่เป็นหน่วยงานที่เป็นมือเป็นไม้ในการใช้แสดงอำนาจในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย และให้คุณให้โทษ

ทั้งนี้ เป็นไปตามระบบ Single Command คือการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง อันเป็นการผิดหลักเกณฑ์การกระจายอำนาจ และไม่เกิดประโยชน์ใดๆต่อคุณภาพผู้เรียน

        ๑๑.พวกผมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิตอล โดยมีผู้นำที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องดังกล่าว แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ ท่านทำได้แต่เพียงแจ้งให้พวกผมปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน โดยให้คิดเองทำเอง

        ๑๒.พวกผมเรียกร้องให้ท่านเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้บรรดาคุณครูและผู้บริหารโรงเรียน ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ทุรกันดารเป็นอย่างยิ่ง แต่ท่านก็ไม่ทำ

        ๑๓.กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือผู้นำของกระทรวงต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ในเรื่องของความเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมที่สูงกว่าผู้นำกระทรวงอื่น เพราะจะต้องเป็นต้นแบบให้ครูและนักเรียนนำไปปฏิบัติเป็นแบบอย่างได้

การแต่งตั้งสนับสนุนพวกพ้องของตนเองโดยวิธีการที่ขาดคุณธรรมนั้น ไม่ควรเกิดขึ้น การที่มีการแต่งตั้งบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เคยพบว่า มีชื่อเสียงในเรื่องการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ และประสบความสำเร็จมาก่อน มาปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้นำหน่วยงาน ซึ่งจะต้องดูแลสวัสดิการให้ครู ดูแลเงินเป็นหลายหมื่นล้านบาทและได้รับค่าตอบแทนรายเดือนที่สูงมากนั้น

พวกผมขอทราบว่า บุคคลผู้นี้มาดูแลหน่วยงานนี้ได้อย่างไร และโดยความเป็นจริงแล้วมีข้อมูลปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่าบุคคลผู้นี้เป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านนั้น เป็นจริงหรือไม่  

ด้วยเหตุนี้ สังคมจึงยังคลางแคลงใจว่า ในเรื่องคุณสมบัติของท่านในเรื่องของความเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมที่สูงกว่านั้น ท่านผ่านหรือไม่

        ๑๔.ท่านเคยมีดำริที่จะซื้อแท็บเล็ตแจกนักเรียนทุกคนในประเทศไทย พวกผมรับฟังแล้วตกใจ เพราะเงินที่จะต้องใช้มีจำนวนมากมายมหาศาล เป็นเงินภาษีของพวกผมทั้งนั้น โชคดีที่เมื่อพวกผมคัดค้านท่านก็หยุดทันที

        ท่านครับ ทั้งหมด ๑๔ ข้อนี้ มีข้อไหนบ้างครับที่พวกผมเรียกร้องเพื่อตัวเองหรือเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

        ท่านครับ วิธีการทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองนั้นมีมากมาย ท่านเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีความสามารถในการค้าขาย หากท่านจะนำความรู้ของท่านไปใช้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในเรื่องการค้าขายระหว่างประเทศ ก็จะเป็นคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง

                                            รัชชัยย์ ศรสุวรรณ/๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)