ก.ค.ศ.ยอมถอยแล้ว! แก้หลักเกณฑ์-วิธีย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ว 6/2563

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ตามที่ ก.ค.ศ.ได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ว 6/2563) ต่อมาส่วนราชการและหน่วยงานการศึกษาต่างๆ ได้นำหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายดังกล่าวไปปฏิบัติแล้ว พบว่าเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ

ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯในประเด็นที่เป็นปัญหา ดังนี้ 1. การพิจารณาย้าย เดิมกำหนดให้ย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในขนาดเดียวกันและขนาดใกล้เคียงกัน ปรับปรุงใหม่เป็นให้พิจารณาย้ายในสถานศึกษาประเภทเดียวกัน ที่มีสถานศึกษาขนาดเดียวกันและขนาดใกล้เคียงกัน ทั้งในจังหวัดเดียวกันและต่างจังหวัดพร้อมกันก่อน

เมื่อพิจารณาย้ายขนาดเดียวกันและใกล้เคียงกันแล้วเสร็จ หากยังมีตำแหน่งว่างเหลืออยู่ให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาข้ามขนาดสถานศึกษาได้ โดยต้องพิจารณาย้ายข้ามขนาดตามลำดับ เช่น มีตำแหน่งว่างในสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษเหลืออยู่ ก็ให้พิจารณาย้ายคำร้องขอย้ายของผู้ประสงค์ขอย้ายที่ดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาขนาดกลางก่อนขนาดเล็กตามลำดับ

และหากยังมีตำแหน่งว่างเหลืออยู่อีก ให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) พิจารณาย้ายผู้ประสงค์ขอย้ายที่ดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาที่ต่างประเภทสถานศึกษากันได้ 

2.การประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย เดิมกำหนดให้ อกศจ.เป็นผู้ประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ปรับปรุงใหม่เป็นให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ทุกเขตในจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ตรวจสอบข้อมูล ประเมินศักยภาพผู้ประสงค์ขอย้าย และจัดลำดับก่อนเสนอ อกศจ.กลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องแล้วเสนอ กศจ.พิจารณาย้ายต่อไป

3.การประกาศรายชื่อสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา เดิมกำหนดให้ประกาศรายชื่อสถานศึกษาที่ประสงค์จะพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยความเห็นชอบของ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ก่อนกำหนดการส่งคำร้องขอย้ายประจำปี เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน แก้ไขใหม่เป็นกำหนดให้ประกาศรายชื่อสถานศึกษา โดยตัดคำว่า “ก่อนกำหนดการส่งคำร้องขอย้ายประจำปี เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน” ออก

4.กำหนดการพิจารณาย้ายครั้งแรก เดิมกำหนดให้พิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ตุลาคม แก้ไขใหม้เป็นให้ กศจ.พิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน และให้มีผลไม่ก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของปีเดียวกัน ทั้งนี้ ได้ปรับระยะเวลาการยื่นคำร้องขอย้ายเป็นวันที่ 1-15 กรกฎาคม เพื่อให้สอดคล้องกับการพิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จ

และการนับคุณสมบัติของผู้ประสงค์ขอย้ายให้นับถึง 30 กันยายนของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่ (PA)

"ทั้งนี้ จะได้แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรับปรุงเรียบร้อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป" น.ส.ตรีนุช ในฐานะประธาน ก.ค.ศ.กล่าว

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดปัญหา กศจ.ในหลายจังหวัดร้องเรียนไม่สามารถพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้

อันเนื่องจากติดขัดอุปสรรคหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ว 6/2563 ของคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ที่ห้ามการย้ายข้ามขนาดสถานศึกษา เช่น ห้ามย้าย ผอ.สถานศึกษาขนาดกลางไปเป็น ผอ.สถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ โดยอ้างเหตุผลเพื่อให้ ผอ.สถานศึกษาได้มีการสั่งสมประสบการณ์ตามลำดับของขนาดสถานศึกษา

ประกอบกับติดขัดจากอุปสรรคเรื่องการกำหนดขนาดสถานศึกษาของ สพฐ.ใหม่ ส่งผลทำให้สถานศึกษาส่วนใหญ่ในแต่ละจังหวัดเป็นสถานศึกษาขนาดกลาง และขนาดใหญ่พิเศษ ยิ่งทำให้ไม่มี ผอ.สถานศึกษาขนาดใหญ่ที่จะได้รับพิจารณาย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผอ.ในสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ

สานิตย์ พลศรี

กระทั่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ และประธานคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อกศจ.) ชัยภูมิ ได้ออกมาเรียกร้องให้ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. และนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว

"แต่หากยังปล่อยเป็นปัญหาต่อไป จะนัดรวมพลไปขับไล่ผู้บริหาร สพฐ.และสำนักงาน ก.ค.ศ.ให้พ้นไปจากตำแหน่ง เพราะถือว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการขัดขวางการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล"

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)