ใต้ร่มพระบารมี...สานต่องานพ่อทำ

         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจตั้งแต่ทรงพระเยาว์  ทำให้ทรงรับทราบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรที่ตามเสด็จไปทุกพื้นที่ ด้วยความมุ่งมั่นพระราชหฤทัยเพื่อช่วยเหลือราษฎร และจะสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ เพื่อสร้างประโยชน์นานัปการให้แก่ราษฎรทั่วทุกภูมิภาคให้มีความกินดีอยู่ดีสืบไป

          พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลายพื้นที่และทรงรับทราบว่าราษฎรมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นยากจน และมีอุปสรรคในการประกอบอาชีพทั้งสภาพพื้นที่ต้นทุนในการประกอบอาชีพ พระองค์ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านต่าง ๆ ของ สมเด็จพระบรมชนกนาถโดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคให้แก่ราษฎร  โครงการเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินให้ราษฎรสามารถทำการเกษตรได้ และโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ที่มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นได้เข้าถึงการใช้เทคโนโลยีเกษตรแบบใหม่มาปรับใช้ในพื้นที่ให้ได้ผลผลิตมากขึ้น  นอกจากนี้ยังมีพระราชดำริให้ช่วยเหลือราษฎรทั้งด้านสาธารณสุข และที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยและความสงบร่มเย็น

โดยเมื่อวันที่ 16  กันยายน 2546 ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่พรุแฆแฆอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี  เพื่อทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่และกลุ่มเกษตรกรในโครงการฯ ในการนี้มีพระราชดำริกับเจ้าหน้าที่ส่วนราชการความว่า ให้พิจารณาจัดเครื่องสีข้าวให้แก่กลุ่มเกษตรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่โครงการแฆแฆ เพื่อลดต้นทุนในการเดินไปโรงสี” (ที่มา : สยามรัฐออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2560 06:00 น. ราชสำนัก)  ต่อมาจังหวัดปัตตานีได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งโรงสีข้าวและเปิดให้บริการให้แก่เกษตรกรในโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรในโครงการฯ และพื้นที่ใกล้เคียงมาใช้บริการมากขึ้น

สำหรับจังหวัดยะลา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากราษฎรได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอบันนังสตา และอำเภอธารโต จังหวัดยะลา มีราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 74 ครอบครัว รวม 134 คน ที่ถวายฎีกาขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ และมีพระราชดำริให้ส่วนราชการร่วมกันพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือราษฎรและได้พระราชทานชื่อโครงการว่า โครงการเพื่อชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็นบ้านสันติ 2 ตามพระราชดำริ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร  ทั้งนี้เพื่อให้ราษฎรมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ครอบครัวอบอุ่น มีคุณภาพชีวิตที่สดใสและสมบูรณ์ในการทำมาหากิน มีกิจกรรมเสริมสร้างอาชีพที่เหมาะสมและได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพอนามัย การศึกษาของเยาวชนและลูกหลาน

ต่อมาจังหวัดยะลาได้ดำเนินการก่อสร้างบ้านพักอาศัยและส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบเป็นโครงการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่  ปัจจุบันราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนอีกจังหวัดคือ นราธิวาส เป็นจังหวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี โดยเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2529 เสด็จฯ ทอดพระเนตรพื้นที่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บริเวณพื้นที่ลุ่มมีป่าเสม็ดปกคลุม และนับเป็นครั้งแรกที่ได้เสด็จฯ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ  ต่อมาได้โดยเสด็จเคียงข้างสมเด็จพระบรมราชชนนี อย่างต่อเนื่องเพื่อทรงติดตามการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการหมู่บ้านปศุสัตว์-เกษตรมูโนะ อำเภอตากใบ เพื่อทอดพระเนตรการจัดการพื้นที่เพื่อให้สมาชิกในหมู่บ้านได้ประกอบอาชีพเกษตร และการเลี้ยงสัตว์ เพื่อการดำรงชีพและสร้างรายได้ในครัวเรือนอย่างยั่งยืน โครงการฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรในเขตลุ่มน้ำบางนรา อำเภอเจาะไอร้อง โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านตอหลัง-ทรายขาว  อำเภอตากใบ โอกาสนี้ทรงหว่านข้าวในแปลงเกษตรกร เมื่อวันที่  5 กันยายน 2543 ยังความปลื้มปีติแก่เกษตรกรอย่างหาที่สุดมิได้

นอกจากนี้  ยังเสด็จฯ ไปยังโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ ทอดพระเนตรกิจกรรมการดำเนินงานของโครงการฟาร์มต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส  รวมทั้งพื้นที่อ่างเก็บน้ำใกล้บ้าน บ้านพิกุลทอง ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง ซึ่งเป็นโครงการประเภทอ่างเก็บน้ำที่ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้เมื่อกันยายน 2524  เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนให้พื้นที่แปลงศึกษา ทดลอง วิจัย ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎรบริเวณใกล้เคียง  ศูนย์ศิลปาชีพวัดพระพุทธ อำเภอตากใบ  เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2545 ในการนี้พระองค์ได้ทอดพระเนตรโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันจัดกิจกรรม จากนั้นพระองค์ยังได้เสด็จฯไปยังประตูระบายน้ำสุไหงปาดี 2 เพื่อทอดพระเนตรการส่งน้ำไปยังพื้นที่ทำการเกษตรไปยังพื้นที่บ้านยูโย ของอำเภอตากใบ   โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านโคกอิฐ-โคกใน พระองค์ทรงเยี่ยมราษฎรกลุ่มผลิตข้าวซ้อมมือ และได้เสด็จฯต่อไปยังโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านยูโย 

ต่อมา วันที่ 13 กันยายน 2546 พระองค์ได้ตามเสด็จพระพันปีหลวงไปทรงเยี่ยมราษฎรพื้นที่บ้านโคกสะตอ ม.7 ตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี  ในการนี้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของราษฎรบ้านโคกสะตอ  และทรงรับทราบว่าราษฎรประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในฤดูฝน ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในฤดูแล้ง และทิ้งร้างพื้นที่ทำการเกษตร และมีความยากจน จึงมีพระราชดำริให้ช่วยเหลือราษฎรบ้านโคกสะตอ ความว่า     “...ควรนำรูปแบบการพัฒนาพื้นที่บ้านยูโย มาปรับปรุงใช้ในพื้นที่บ้านโคกสะตอ เพื่อจัดหาน้ำช่วยเหลือพื้นที่ทำการเกษตร และพิจารณาการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎร...  (ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ NNT วันที่ 6 พ.ค. 2562 สวท.สุไหงโก-ลก)  ในวันเดียวกันพระองค์ได้เสด็จฯไปยังโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านยูโยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอตากใบ เพื่อทรงติดตามการดำเนินงานของโครงการฯ ในการนี้ พระองค์ทรงหว่านข้าวในแปลงนาสาธิตของเกษตรกร  และได้เสด็จฯต่อไปยังบ้านบาวง ตำบลบางขุนทอง อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อทอดพระเนตรพื้นที่นาร้าง (ที่มา : หนังสือรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ) 

นอกจากโครงการที่กล่าวมาแล้ว พระองค์ยังเสด็จฯไปทอดพระเนตรโครงการต่าง ๆ พร้อมกับพระราชทานพระราชดำริเพื่อหาทางช่วยเหลือราษฎรให้กินดีอยู่ดี มีอาชีพ มีรายได้ในครัวเรือน และปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของเหล่าพสกนิกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างหาที่สุดมิได้

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ