รมว.อว.เยี่ยมให้กำลังใจนักรบโควิด-19 'ICU สนาม รพ.ศิริราช'

 

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ที่โรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช กรุงเทพฯ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว) พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. ไปเยี่ยมให้กำลังใจและเข้าเยี่ยมชม ICU ศิริราชรวมใจ

โดยมี ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช, นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และนายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ให้การต้อนรับ   

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า ขอขอบคุณศิริราชในนามคนไทยและรัฐบาล รวมทั้งผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับที่ช่วยกันทำงานอย่างหนักเพื่อฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 ศิริราชถือเป็นป้อมปราการด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ที่ต่อสู้ ทุ่มเทอย่างสุดชีวิตเพื่อรักษาชีวิตคนไทย การจัดสร้าง ICU ศิริราชรวมใจ เป็นการขยายการดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติที่ไม่ใช่เฉพาะผู้ป่วยโควิด แต่ยังมีผู้ป่วยโรคหนักๆ หรือมีโรคประจำตัว หรือโรคแทรกซ้อนที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากการรักษาพยาบาลแล้ว รพ.ศิริราชเองยังได้ทำวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์มากมาย เช่น การศึกษาทดลองการฉีดวัคซีนไขว้ เพื่อมาโมเดลที่เหมาะสม การเตรียมข้อมูลสำหรับการฉีดเข็มที่ 3 และมีการวิจัยเกี่ยวกับชุดตรวจ ATK จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน อย.เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และได้นำออกสู่ท้องตลาดแล้ว

รพ.ศิริราชจึงทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างครบถ้วน แม้จะมีกฏหมายหรือกฏระเบียบบางอย่างที่ยังทำให้ไม่คล่องตัวในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ก็ยังพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และแก้ไขกฏระเบียบเพื่อการทำงานให้คล่องตัวยิ่งขึ้น  

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณเอสซีจี ซึ่งเป็นบริษัทในหัวใจของคนไทย ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดสร้าง ICU ศิริราชรวมใจ ที่ผ่านมา เอสซีจีได้ทำสาธารณะประโยชน์ให้สังคมไทยมากมาย และร่วมนำพาเศรษฐกิจไทยสู่ทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมามาก

ตนทราบว่าเอสซีจีมีรายได้เพิ่มหลายหมื่นล้านบาทจากการทำวิจัยและพัฒนา ซึ่งเชื่อว่าหลังวิกฤติโควิด คนไทยจะสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ในหลากหลายมิติ และจะต้องมีธุรกิจ อาชีพใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นอีกมากมาย สิ่งที่ศิริราชและเอสซีจีทำไม่เพียงแต่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นวิกฤติ แต่ยังจะช่วยปูทางให้ไทยก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเป็นพื้นฐานด้วย 

ด้าน ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หอผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ที่รองรับผู้ป่วยหนักเต็มทุกเตียง ทำให้ รพ.ศิริราชต้องขยายพื้นที่จัดตั้ง ICU สนามขึ้นรองรับผู้ป่วยหนักเพิ่มอีก 20 เตียง อย่างเร่งด่วนบริเวณข้างสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ใกล้กับท่าเรือรถไฟ

ขณะนี้ ICU สนาม ได้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใต้ชื่อ “ICU ศิริราชรวมใจ” และเปิดรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาวันแรกเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำใจจากประชาชนที่ร่วมใจกันบริจาคเงินอย่างต่อเนื่อง การออกแบบและจัดสร้างอาคารแบบโมดูลาร์ โดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

และยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบุคลากรทางการแพทย์ในเครือทั้ง 3 โรงพยาบาล  คือ รพ.ศิริราช, รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ประจำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยหนักครอบคลุมทั่วถึงทุกกลุ่มโรคที่ติดเชื้อโควิด

รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช กล่าวว่า ICU ศิริราช ได้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 งบประมาณ 100 ล้านบาท ประกอบด้วย 2 อาคาร 20 เตียง เพื่อดูแลผู้ป่วยหนักโควิดที่มีโรคประจำตัวซับซ้อน หรือมีภาวะเร่งด่วนวิกฤต 

ครบครันด้วยเครื่องมือแพทย์มาตรฐานเดียวกับไอซียูในโรงพยาบาล มีระบบสนับสนุนเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ อาคารสนับสนุนเพื่อเป็นที่ทำงานและที่พักบุคลากร ห้องเก็บยาและเวชภัณฑ์ มีครุภัณฑ์ที่จำเป็น ระบบปรับอากาศ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำสำเร็จรูป รวมทั้งหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ เป็นต้น  

ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมีความยินดีอย่างยิ่งที่มีส่วนในการออกแบบและจัดสร้างอาคารไอซียูศิริราช แบบโมดูลาร์ เพื่อลดความซับซ้อนของโครงสร้างอาคาร สามารถติดตั้งและประกอบได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาที่จำกัด ส่งมอบให้กับ รพ.ศิริราชใช้งานได้ทันตามกำหนดเวลา ในภาวะที่การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เพื่อที่ รพ.ศิริราชจะได้รับผู้ป่วยหนักเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)