นางสาวฉันทนา โพธิครูประเสริฐ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานีกล่าวว่าในโอกาสเทศกาลลอยกระทงประเพณีอันดีงามของไทยในปีนี้ที่ตรงกับวันที่19 พ.ย. 64 ท่ามกลางภาวะโรคระบาดไวรัสโควิด-19 วิทยาลัยตั้งใจที่จะสืบสานเอกลักษณ์ไทยโดยเฉพาะวิถีของพื้นถิ่นทางจังหวัดภาคใต้อย่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงนำครูอาจารย์นักเรียนนักศึกษาและประชาชนร่วมสืบสานโดยย้ำการปฏิบัติตามกติกาของทางสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ระยะห่าง สรวมหน้ากาก เจลแอลกอฮอร์ล้างมือบ่อยๆเพื่อร่วมซึมซับสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ซึ่งทางวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ฯโดยครูสถาพร จันทร์ปาน ครูแผนกการจัดสวนในเครื่องปั้นดินเผาและภาชนะต่างๆที่ได้รับมอบหมาย เล่าว่า ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะพบได้ในแถบชื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานีเท่านั้น ดอกบัวผุดเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ กลีบดอกสีสดใสแดงอมเหลืองมีขนาดใหญ่สวยงาม และจะพบเห็นได้ยากมาก
“ทางแผนกการจัดสวนในภาชนะ จึงได้จัดทำกระทงดอกบัวผุดเพื่อช่วยอนุรักษ์และประชาสัมพันธ์ดอกไม้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีและประเพณีวันลอยกระทงที่จะเกิดขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย โดยขั้นตอนเริ่มจากจัดเตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ ได้แก่ นำตอกไม้ไผ่ มาสานให้เป็นทรงน้ำเต้า จำนวน 12 ชิ้น เข็มหมุดปักกระทง 2 กล่อง โฟมหนา 2 นิ้ว 1 แผ่น ผ้าดิ้นทอง 1 ม้วน สีแดง 1 กระป๋อง ดอกกุหลาบ 16 ดอก และธูปเทียน 1 ชุด จากนั้นนำตอกไม้ไผ่มาสานลายขัด ตามต้องการให้ได้จำนวน 12 ชิ้น ทาสีแดงลงบนตอกไม้ไผ่ที่สานไว้แล้ว ตัดขอบให้เป็นรูปทรงน้ำเต้าและเย็บริมโดยใช้ผ้าดิ้นทองซึ่งกลีบกระทงมีขนาดกว้าง 16 นิ้ว ยาว 14 นิ้ว ตัดโฟมที่เตรียมไว้ให้มีขนาดกว้าง 16 นิ้ว นำกลีบบัวผุดมายึดติดกับโฟมที่จัดเตรียมไว้ โดยใช้เข็มหมุดปักกระทงปักชั้นนอก 6 ชิ้นและชั้นในจนครบ 6 ชิ้น นำเศษตอกที่เหลือมาปักเป็นเกษรของดอกบัวผุดโดยปักให้มีความถี่มากๆ ตามดอกบัวผุดจริงๆ ตกแต่งภายในกระทงดอกบัวผุดด้วยดอกกุหลาบที่จัดเตรียมไว้ สุดท้ายนำธูปเทียนที่จัดเตรียมไว้มาปักลงกลางเกสรกระทงดอกบัวผุด จนได้เป็นกระทงดอกบัวผุดที่มีขนาดกว้าง 26 นิ้ว สูง 14 นิ้ว ซึ่งมีกลีบดอกกว้าง 12 นิ้ว ยาว 14 นิ้ว จำนวน 12 กลีบ ราคา 1,200 บาท สนใจติดต่อสั่งซื้อได้ที่ โทร. 089-6508645 แผนกการจัดสวนในเครื่องปั้นดินเผาและภาชนะต่างๆ วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี” ครูสถาพร จันทร์ปาน กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)
