“องค์กรครู”ขอแรง“ตรีนุช”ทวงเงินองค์การค้าฯ 3.3 พัน ล. ห่วง“สกสค.”จ่อวิกฤต

“องค์กรครู”ขอแรง“ตรีนุช”ทวงเงินองค์การค้าฯเกือบ 3.3 พัน ล.เสริมสภาพคล่อง“สกสค.” จ่อวิกฤต

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดชัยภูมิ 4 วาระ เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ว่า สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิได้รับการร้องเรียนจากพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ส่วนกลาง และสำนักงาน สกสค.จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ว่าขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.กำลังใกล้วิกฤตด้านการเงิน เสี่ยงส่งผลกระทบต่อเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารองค์กรเป็นอย่างมาก

สืบเนื่องจากเงินที่มีอยู่นับวันจะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายเป็นเงินค่าจ้าง ค่าเงินเดือน และค่าตอบแทนอื่นๆ แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หากปล่อยทิ้งไว้องค์กร สกสค.เสี่ยงจะล่มสลาย เพราะไม่มีเงินรายได้อื่นมารองรับรายจ่ายที่มีจำนวนมาก

ดังนั้น ในนามสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิจึงได้ทำหนังสือที่ สค.ชย.001/2565 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. และประธานคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของ สกสค. ได้โปรดพิจารณาสั่งการให้องค์การค้าของ สกสค.ที่ทยอยกู้ยืมเงินจากสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ไป 14 ครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2559-2564 เป็นจำนวนเงินรวม 3,862,926,816.16 บาท และได้จ่ายคืนเงินต้นมาแล้ว 600 ล้านบาท คงเหลือประมาณ 3.262 ล้านบาท ได้นำมาคืนให้กับสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.โดยเร็ว

“ทั้งนี้ เพราะเงินส่วนนี้คือเงินของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้นำไปใช้จ่ายในองค์กรเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีที่คู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ต่อไป” นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ กล่าว

อนึ่ง ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com รายงานข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับบริหารในสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดรับกับที่นายสานิตย์ระบุว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.กำลังใกล้วิกฤตด้านการเงิน เสี่ยงไม่มีเงินใช้จ่ายในการบริหารองค์กรดังกล่าว

โดยแหล่งข่าวระดับบริหารในสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ว่า ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน สกสค.ทั่วประเทศ ทั้งเงินเดือน เงินตอบแทน เงินวิทยฐานะเจ้าหน้าที่ และค่ายใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะ มีจำนวนรวมราว 800 ล้านบาทต่อปี (ว่ากันว่าเฉพาะเงินเดือนเจ้าหน้าที่ระดับ ผอ.สำนัก อยู่ที่ประมาณ 8-9 หมื่นบาท มากกว่าเงินเดือนปลัดกระทรวงเสียอีก อีกทั้งเจ้าหน้าที่ สกสค.ยังมีระบบวิทยฐานะ รับเงิน 2 เท่าด้วย เหมือนกับข้าราชการครู ทั้งที่ไม่ได้มีภาระงานสอนหนังสือ)

ซึ่งในช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีหลังมานี้ ผู้บริหาร สกสค.ได้นำเงินจากกองทุนส่งเสริมความมั่นคงโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค. ที่ได้จากเงินคืนดอกเบี้ยสมาชิก ช.พ.ค.ผู้กู้มาจากธนาคารออมสิน (ซึ่งเคยมีอยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาท) ปีละราว 500 ล้านบาท นำมาเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวในองค์กร สกสค.ทั่วประเทศ

นอกเหนือจากที่ใช้จากงบประมาณแผ่นดินที่รัฐบาลจัดสรรให้ปีละกว่า 125 ล้านบาท รวมทั้งใช้เงินส่วนหนึ่งจากเงินหักค่าบริหารจัดการ ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.กองทุนละ 4% 

แต่ภายหลังจาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ. และประธานคณะกรรมการ สกสค. ได้ให้ธนาคารออมสินยกเลิกเงินคืนดอกเบี้ยสมาชิก ช.พ.ค.ผู้กู้รายละ 50 สตางค์ นำสมทบกองทุนดังกล่าว โดยให้คืนแก่สมาชิก ช.พ.ค.ผู้กู้แทน เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลให้เงินกองทุนนี้เริ่มร่อยหรอ

ประกอบกับมีการนำเงินกองทุนนี้ไปลงทุนกับเอกชน, ถูกโกง, ถูกธนาคารออมสินหักไปชดเชยเงินกู้ของสมาชิก ช.พ.ค.ที่เบี้ยวชำระหนี้ รวมทั้งผู้บริหาร สกสค.นำไปให้องค์การค้าฯกู้ยืม จึงว่ากันว่าเงินกองทุนส่งเสริมความมั่นคงโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค.ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงหลักพันล้านบาทต้นๆ ทำให้สุ่มเสี่ยงกระทบกับเงินค่าใช้จ่ายภายในสำนักงาน สกสค.ทั่วประเทศดังกล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)