ยื่น“ตรีนุช”ทบทวนคุณสมบัติผู้รับประเมินวิทยฐานะ ว ๑๓ เตือนฟ้องวุ่น ขัดศาล

สมาคม ส.พ.บ.ค.ทำหนังสือยื่น “ตรีนุช” สั่ง ก.ค.ศ.ทบทวนคุณสมบัติผู้เข้ารับประเมินเลื่อนวิทยฐานะเป็นชำนาญการพิเศษ-เชี่ยวชาญ ตามเกณฑ์ ว ๑๓ อ้างคำพิพากษาศาลปกครอง เตือนส่อยื่นฟ้องวุุ่น! 

นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา (ส.พ.บ.ค.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ว่า ตนได้ทำหนังสือสมาคม ส.พ.บ.ค. ที่ ส.พ.บ.ค. ๒๕๖๕/๔ ส่งถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๕ เรื่องการเลื่อนวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์ ว ๑๓

โดยขอความเมตตาจาก น.ส.ตรีนุชได้โปรดวินิจฉัยสั่งการให้ ก.ค.ศ.มีมติให้ผู้ที่ยื่นเสนอรางวัลที่เคยได้รับการรับรองมาแล้วจาก ก.ค.ศ.เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ หรือเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ต่อไป

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ก.ค.ศ.ได้มีมติให้ทบทวนการพิจารณาคุณสมบัติสำหรับผู้ที่ยื่นคำขอให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญทุกตำแหน่ง ตามเกณฑ์ ว ๑๓ แล้ว ผลการพิจารณาของ ก.ค.ศ.เห็นว่า เป็นผู้ขาดคุณสมบัติจำนวนร่วม 2,000 คน

ซึ่งสมาคมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาขอเรียนว่า รางวัลของผู้ที่ยื่นคำขอและได้รับการพิจารณาทบทวนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นรางวัลที่ ก.ค.ศ.เคยรับรองว่าเป็นรางวัลสูงสุดระดับชาติ ทั้งในฐานะรางวัลตรงและรางวัลเทียบเคียงทั้งสิ้น อีกทั้งรางวัลต่างๆ ที่ไปสู่การพิจารณาของ ก.ค.ศ.ทุกรางวัลได้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากส่วนราชการต้นสังกัดแล้วทุกรางวัล

ดังนั้น การที่ ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วมีมติไม่รับรองรางวัลที่ผ่านการพิจารณาเสนอของส่วนราชการต้นสังกัด ทั้งๆ ที่เป็นรางวัลที่เคยผ่านการรับรองจาก ก.ค.ศ.มาแล้ว จนส่งผลทำให้บรรดาผู้ยื่นคำขอดังกล่าวเป็นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษหรือวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จึงเป็นมติที่อาจส่อไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีลักษณะอาจส่อเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

สมาคม ส.พ.บ.ค.จึงขอความเมตตาจาก น.ส.ตรีนุชขอได้โปรดวินิจฉัยสั่งการให้ ก.ค.ศ. มีมติให้ผู้ที่ยื่นเสนอรางวัลที่เคยได้รับการรับรองมาแล้วจาก ก.ค.ศ.เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษหรือวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ต่อไป

นายรัชชัยย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ สมาคม ส.พ.บ.ค.ได้เรียนเป็นข้อมูลแก่ น.ส.ตรีนุชเพิ่มเติมด้วยว่า ศาลปกครองพิษณุโลกเคยมีคำพิพากษาไว้มีสาระสำคัญว่า การมีมติดังกล่าวของ ก.ค.ศ.เป็นการกระทำที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” รายละเอียดปรากฏตามคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลกคดีหมายเลขดำ ที่ บ ๒๗/๒๕๖๒ คดีหมายเลขแดงที่ บ ๒๓/๒๕๖๓ หน้าที่ ๒๘

“คำพิพากษาดังกล่าว จึงผูกพัน ก.ค.ศ.ที่จะต้องปฏิบัติตาม ที่สำคัญคือหากเรื่องนี้ผู้ยื่นคำขอแต่ละรายที่เสียสิทธิอันเนื่องมาจากการมีมติดังกล่าวของ ก.ค.ศ. ซึ่งมีจำนวนเกือบ 2,000 คน ต่างยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็จะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายที่ยากแก่การเยียวยา” นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา กล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)