สุดว้าว! เด็กอาชีวะเกษตรขอนแก่น ต่อยอดเจ้าของฟาร์มปูนา รายได้เดือน 4 หมื่น

สุดว้าว! เด็กอาชีวะเกษตรขอนแก่น

ต่อยอดองค์ความรู้สู่เจ้าของ “สุตะธรรมฟาร์มปูนา”

สร้างรายได้ระหว่างเรียนเฉลี่ยเดือนละ 4 หมื่นบาท

นายสมมาตร เอียดฉิม ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ เริ่มต้นบอกเล่าเรื่องสุดว้าว! นี้ว่า ในอดีต "ปูนา" จัดเป็นแหล่งอาหารโปรตีนราคาถูก และหาได้ง่ายในธรรมชาติที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันการจับปูนาไม่ได้ง่ายเหมือนก่อน เพราะมีจำนวนปูในธรรมชาติน้อยลงทุกปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ทั้งดิน น้ำ อากาศ การใช้สารเคมีเพื่อฆ่าแมลงกำจัดวัชพืช และการใช้ปุ๋ยเคมี

วิธีที่สามารถแก้ปัญหาการลดจำนวนลงของปูนาในธรรมชาติได้ คือ การเพาะเลี้ยงปูนา ซึ่งสามารถเลี้ยงได้ในบ่อดินและบ่อซีเมนต์ ซึ่งราคาปูนาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 80-100 บาท นับเป็นราคาดี โดยเฉพาะในฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่ปูนาขาดแคลน

ราคาขายปูนาเป็นสิ่งที่จูงใจสำหรับคนที่ต้องการสร้างอาชีพเสริม อีกทั้งตลาดของการเลี้ยงและผลิตภัณฑ์จากปูนา พบว่ามีคู่แข่งในตลาดน้อย

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น จึงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร ชุมชนให้ได้รับความรู้ในการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงปูนา และการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปูนาโดยการแปรรูปปูนาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ สร้างรายได้ สร้างอาชีพ เกิดการจ้างงานในชุมชน ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง

“นัท” นางสาวอาภัสรา ใจทน นักศึกษาชั้น ปวส.2 สาขาวิชาสัตวศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น เล่าว่า ตนชอบกินปูนา แต่ไม่สามารถหาปูนาที่สะอาดตามธรรมชาติได้ เลยตัดสินใจเลี้ยงปูนาด้วยตนเอง

"แรกเริ่มที่เลี้ยงปูนายังไม่มีความรู้มากพอ อาศัยองค์ความรู้ในสาขาวิชาสัตวศาสตร์ที่ตนเรียนมาจากวิทยาลัยฯ บวกกับความพยายามในการศึกษาเพิ่มเติม ลองผิดลองถูกและศึกษาด้วยตัวเองกว่า 5 เดือน จึงเกิดเป็นการเลี้ยงปูนาในระบบเปิด มาตรฐานปลอดภัย ไร้สารเคมี ด้วยการทำบ่อซีเมนต์ใช้น้ำในคลองในการเลี้ยงปูนา พร้อมกับนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในฟาร์มปูนา โดยการใส่น้ำหมัก EM ที่ทางวิทยาลัยได้สอนมาใช้ในการปรับสภาพน้ำ"

ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้ สามารถกำหนดทั้งปัจจัยแวดล้อมด้านนอก ทั้งในเรื่องของน้ำและอาหาร เน้นเรื่องความสะอาดปลอดภัยและมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เช่น การควบคุมระบบน้ำสปิงเกอร์เพื่อทำหมอก หรือ ฝนเทียม เพื่อให้ปูนาผสมพันธุ์และมีผลผลิตได้ตลอดปี ส่วนพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้ในการเลี้ยงปูนาได้มาจากแผงโซล่าร์เซลล์ ซึ่งในกระบวนการควบคุมน้ำสามารถทำผ่านมือถือได้

ส่วนอาหารที่นำมาเลี้ยงปูนามาจากวัชพืชในฟาร์ม ทั้งผักตบชวาอ่อนๆ ราก ลำต้น จอกแหน ปลาแห้งบด นำมาทำเป็นอาหารเม็ดในการเลี้ยงปูนา

ปูนาที่ตนนำมาเพาะ คือ ปูนาพันธุ์พระราชทาน หรือเกษตรกร เรียกว่า ปูนาพระเทพ และปูนาพันธุ์กำแพง ลักษณะเด่นปูนาพันธุ์พระเทพจะมีสีม่วง และพันธุ์กำแพง มีกระสีขาวปนบนกระดอง

“นัท” อาภัสรา เล่าวิธีการเลี้ยงปูนาว่า เริ่มจากหาพ่อแม่พันธุ์มาจากฟาร์มที่น่าเชื่อถือ แล้วนำมาเลี้ยงใน บ่อดิน บ่อคอนกรีต หรือบ่อผ้าใบ 1-2 เดือน เพื่อให้ผสมพันธุ์และตั้งท้อง แม่ปู 1 ตัวจะออกลูกประมาณ 200-600 ตัว เมื่อแม่ปูใกล้ออกลูกให้นำมาเลี้ยงอนุบาลในกะละมัง หรือแยกบ่อ เป็นเวลา 2 เดือน หากเลี้ยงในบ่อดิน สามารถปล่อยให้ออกลูกในบ่อเดียวกันได้

เมื่อปูอายุ 3 เดือนจะได้ปูนาที่มีตัวขนาดกินได้ทั้งตัว สามารถจับขายเพื่อไปทำปูดอง หรือแปรรูปเป็นเมนูต่างๆ ได้ หากต้องการเลี้ยงเพื่อเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้เลี้ยงปูนาต่อไปอีก 3 เดือน จึงสามารถจำหน่ายเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้

ที่ฟาร์มของตนจะเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปของกบ ปลาดุกวันละ 1 มื้อ ในช่วงเย็นเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องให้อาหารมาก ซึ่งตนมองว่าปูนามีจุดเด่นคือ เลี้ยงง่าย โตเร็ว เนื้อแน่น สามารถนำมาเลี้ยงได้ในบ่อซีเมนต์ บ่อพลาสติก บ่อดิน และปูนาก็สามารถนำมาแปรรูปเป็นเมนูอาหารที่คนนิยมทานได้ เช่น ลาบปู ปูเค็ม ปูดอง หรือน้ำพริก

ปัจจุบันตนมีรายได้ระหว่างเรียนเฉลี่ย 40,000 บาทต่อเดือน และตนเพิ่งตัดสินใจร่วมกับครอบครัวเปิดตัวฟาร์มปูนาอย่างเป็นทางการ ชื่อ “สุตะธรรมฟาร์มปูนา” ในพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ จำหน่ายพ่อแม่พันธุ์ปูนา พันธุ์พระราชทาน และพันธุ์กำแพง คู่ละ 80 บาท และปูนารุ่น กิโลกรัมละ 180-200 บาท

"หากใครสนใจ สามารถติดต่อได้ที่ Facebook : สุตะธรรมฟาร์มปูนา Line ID : nutnut2544n หรือโทร.061-036-5133" เด็กอาชีวะเกษตรขอนแก่น เจ้าของสุตะธรรมฟาร์มปูนา กล่าวทิ้งท้ายอย่างภาคภูมิใจ

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)