"ส.ส.ก้าวไกล" ทวงถาม "ตรีนุช" แก้ 8 ปัญหาใหญ่ คืบหน้าถึงไหน?

"ส.ส.ก้าวไกล" ทวงถาม "ตรีนุช" แก้ 8 ปัญหาใหญ่ คืบหน้าถึงไหน? 

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 รศ.ดร.สุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฏร ให้สัมภาษณ์ผ่าน สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com ทวงถาม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และคณะผู้บริหาร ศธ. ที่มาร่วมประชุม กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฏร เพื่อรับฟังปัญหาการศึกษาและแนวทางแก้ไขที่ กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฏร นำเสนอ 8 ประเด็นัญหาใหญ่ โดยพร้อมรับไปพิจารณาหาแนวทางแก้ไขตั้งแต่ 23 กุมภาพันธ์ 2565

"ซึ่งผมในฐานะหนึ่งในผู้เสนอปัญหาการศึกษาและแนวทางแก้ไข 8 ประเด็นใหญ่ และทั้ง น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และคณะผู้บริหาร ศธ.ได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะไปพิจารณาหาแนวทางแก้ไขดังกล่าว จึงขอติดดตามทวงถามว่า ตลอดเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และคณะผู้บริหาร ศธ.ได้มีการแก้ไข ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับ 8 ประเด็นปัญหาใหญ่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว" 

รศ.ดร.สุรวาท กล่าวต่อว่า 8 ประเด็นปัญหาการศึกษาและแนวทางแก้ไขดังกล่าว ระกอบด้วย 1.ให้ ศธ.จัดงบประมาณจัดซื้อชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 (ATK) และอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์และแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้แบบ Asynchronous (ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ทุกวันเวลาที่มีความพร้อม อีกทั้งผู้เรียนสามารถตอบโต้หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องด้วย) 

2.การแก้ปัญหาหนี้สินครูของ ศธ.เดินมาถูกทางแล้ว และควรมีมาตรการแก้ไขหนี้สินให้กับกรณีลูกหนี้ชั้นดีด้วย 

3.ขอให้ ศธ.ดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์อัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งได้แก่ (1) ตำแหน่งผู้อำนวยโรงเรียน (ผอ.ร.ร.) ให้เร่งพัฒนาบรรจุแต่งตั้ง ผอ.ร.ร.ให้ครบทุกโรงเรียน โดยหารือปลดล็อกมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) 

(2) ตำแหน่งรอง ผอ.ร.ร. ให้เร่งรีบพัฒนาบรรจุแต่งตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีการปรับปรุงอัตราตำแหน่งจากอัตราครูเกินมาเป็นสายบริหาร และบรรจุแต่งตั้งในโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป โดยด่วน เพราะมีการขึ้นบัญชีทั้งผู้ผ่านการพัฒนาและบัญชีรอการพัฒนาอยู่จำนวนมาก และกำลังจะหมดอายุการขึ้นบัญชี

(3) ตำแหน่งข้าราชการครู ให้เร่งรีบโยกย้ายบรรจุแต่งตั้ง เกลี่ยอัตราจากเกินไปขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีมาตรการการจูงใจการย้ายด้วย และให้เป็นไปตามเกณฑ์อัตรากำลัง ว 23 โดยด่วน

(4) ครูอัตราจ้าง ควรหาทางบรรจุแต่งตั้งสำหรับผู้มีอายุงานและประสบการณ์มีผลการปฏิบัติดี และสอบผ่านการสอบบรรจุหรือสอบคัดเลือกมีคะแนนร้อยละ 60 ขึ้นไป หรือควรขึ้นบัญชีไว้ 2-3 ปี และไม่ควรมีอัตราจ้างนานเกิน 3 ปี เพราะควรเป็นอัตราถาวร (แต่ต้องผ่านการสอบดังกล่าว และอาศัยหลักอาวุโสด้วย) ทั้งนี้ มีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25 เช่นเดิม และไม่กระทบผู้จบใหม่ในการสอบแข่งขันรอบทั่วไป รวมทั้งควรมีการจ้างครูอัตราจ้างโรงเรียนที่มีจำนวนครูต่ำกว่าเกณฑ์อัตรากำลัง ว 23 เท่านั้น

(5) ตำแหน่งธุรการโรงเรียน ควรต้องมีทุกโรงเรียน ปฏิบัติงานที่เดียวและเพิ่มขึ้นตามอัตราบุคลากรสายสนับสนุนใน ว 23  ซึ่งสามารถบรรจุได้ทุกคน และต้องปรับคุณสมบัติของบุคลากรตามมาตรา 38 ค(2) เพื่อรับบุคลากรกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ มีความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างดี และที่สำคัญในสถานการณ์ปัจจุบัน ตำแหน่งธุรการรวมทั้งลูกจ้างทุกตำแหน่ง รับเงินค่าจ้างไม่ต่อเนื่อง ไม่ตรงเวลา ต้องทำสัญญาจ้างบ่อยครั้งละ 1-2 เดือน

(6) ตำแหน่งภารโรง ควรกำหนดไว้ใน ว 23 และให้มีทุกโรงเรียน และเพิ่มจำนวนขึ้นตามอัตรารอง ผอ.ร.ร.ที่กำหนดไว้ในเกณฑ์อัตรากำลังครูและบุคลากร ว 23 และ 7) ตำแหน่งบุคลากรอื่น เช่น พี่เลี้ยงผู้พิการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ ควรจ้างตามวุฒิการศึกษา และมีความก้าวหน้ามั่นคงในหน้าที่การงานและชีวิด้วย

4.ขอให้พิจารณาแก้ปัญหาการเสียสิทธิประโยชน์จากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะ และใช้ระยะเวลาที่ไม่เป็นธรรม ความคงเส้นคงวาของการประเมิน เช่น กลุ่มผู้รับการประเมิน ว 13 ที่ต้องรอถึง 5-6 ปี หรือครู คศ.1 ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรอง ผอ.ร.ร.ควรได้สิทธิ์ในการเลื่อนแต่งตั้งให้มีวิทยฐานะเสมือนเป็นครผู้สอน ในเรื่องที่เกี่ยวกับระยะเวลาของวิทยฐานะ คือเป็น คศ.2 เพียง 1 ปี สามารถขอ คศ.3 ได้ 

5.เร่งรัดการเสนอชื่อเข้ารับการพัฒนาก่อนบรรจุแต่งตั้ง ผอ. และรอง ผอ.ร.ร. และจัดอบรมโดยเร็ว เพราะบัญชีใกล้จะหมดอายุแล้ว และหาทางป้องกันคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กันอัตราไว้รอย้าย เพื่อหาประโยชน์ในการย้ายด้วย 

6.ปัญหากรณีเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร.อ.ท) ร้องเรียน 3 เรื่อง คือ (1) ปัญหาหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษาอาชีวะ ที่กำหนดสัดส่วนของคะแนนอาจไม่เหมาะสม มีการใช้ดุลยพินิจมาก อาจเอื้อต่อการทุจริตเล่นพรรคเล่นพวกกันมากได้ (2) ตรวจสอบและติดตามเกี่ยวกับการกล่าวหาการทุจริตสอบคัดเลือก ผอ.และ รอง ผอ.สถานศึกษาอาชีวะ (3) ให้ตรวจสอบการแต่งตั้งกรรมการสภาสถาบันการอาชีวศึกษาทุกแห่ง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? 

7.การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของคุรุสภา โดยจะต้องผ่านการสอบนั้น เป็นการออกคำสั่งย้อนหลังอันมีผลทางลบหรือไม่ สำหรับผู้เข้าเรียนก่อนวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2562 ควรดำเนินการให้ถูกต้อง ไม่ควรต้องรอการพิจารณาของศาล และหากมีการสอบควรต้องพัฒนาคุณภาพของการทดสอบทั้งระบบ คุณภาพข้อสอบ ความยากง่ายพอเหมาะกับเวลา ไม่ควรซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองเกินความจำเป็น กรณีบรรจุเข้ารับราชการอาจหลอมรวมหรือใช้การสอบสมรรถนะนี้ได้ด้วยบางส่วนหรือทั้งหมด ตามความเหมาะสม สถานที่สอบควรให้ทุกสถาบันฝ่ายผลิตเป็นสถานที่จัดสอบ ค่าสมัครสอบแพงเกินไป ควรลดลงมากกว่านี้ 

"และ 8.ขอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หน.คสช.) หลายฉบับ ที่ให้คืนคณะกรรมการ องค์คณะบุคคล สภาวิชาชีพครู ให้เป็นระบอบประชาธิปไตย มีส่วนร่วม ถ่วงดุล และตรวจสอบได้จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตามหลักไตรภาคีหรืออื่นๆ เช่น คณะกรรมการคุรุสภา, คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.), คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรางการศึกษา (สกสค.), คณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. โดยที่ปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดบกพร่องในอดีตเสียใหม่ ทั้งนี้ ทาง ส.ส.ทุกพรรคพร้อมเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ของรัฐบาลที่มาจากกระทรวงศึกษาธิการ" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และที่ปรึกษา กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฏร กล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)