อ.เศรษฐศาสตร์ มธ.ไม่มั่นใจแก้ปัญหาการศึกษา
ก้าวไกล เสร็จใน 4 ปี สะกิด ศธ.ทำแบบเดิมไม่ได้
แล้ว ต้องเปลี่ยนวิธีคิด
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายนักวิชาการ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ระบุว่า ปัญหาการศึกษาในหลายด้านเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใครที่อาสาเข้ามาดูแลด้านการศึกษา จำเป็นต้องทราบปัญหาและศึกษาเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ โดยลงไปถึงรากลึกที่มีความซับซ้อน เชื่อมโยงกับประเด็นปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงต้องทำงานแข่งกับเวลา
แต่ สิ่งที่เห็นจากนโยบายพรรคการเมืองส่วนใหญ่ จะเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ แจกเงิน ลดภาระครู แต่ยังไม่มีการส่งไม้ต่อว่าเด็กจะก้าวไปสู่ระดับการศึกษาขั้นสูงกว่าได้อย่างไร อีกทั้งยังมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษานับแสนราย
ดังนั้น พรรคการเมืองอาจจะบอกว่า การแก้ปัญหาการศึกษาของทั้งประเทศจะให้เสร็จภายในช่วงอายุของรัฐบาล คือ 4 ปี จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นคำมั่นสัญญาในการพยายามแก้ปัญหานี้อย่างเป็นระบบ หรือให้สำเร็จในบางพื้นที่ เพื่อถอดบทเรียนหรือสร้างเป็น Sandbox ขึ้น
“โดยอาจจะเลือกพื้นที่หรือกลุ่มคนที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาสูงก่อน หากทำเต็มร้อยไม่ได้ แต่ถ้าทำ 10 ในร้อยได้อย่างน้อยก็ช่วยคนได้ 10 คนจากในร้อยคนก่อน อีกทั้งเราเป็นประเทศที่ประกาศใช้นวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีนำหน้า แต่การศึกษาไทยกลับยังไม่ได้ยกระดับเพื่อการผลิตกำลังคน”
อีกทั้งยังมองมองว่า การคิดจะแก้ปัญหาการศึกษาให้สอดรับกับปัจจุบันมากที่สุด รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน Mindset หรือกรอบความคิดหรือทัศนคติในการแก้ปัญหา เพราะโลกของการศึกษาต้องสอดรับกับโลกของตลาดแรงงาน
ในเมื่อโลกของตลาดแรงงานมีระยะเวลาของการเตรียมการคือ 3-4 ปี โลกของการศึกษาก็ต้อง 3-4 ปี นั่นคือ 1 เทอมของพรรคการเมือง ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องทำ คือ ต้องรู้ว่าในโลกที่อาชีพเปลี่ยนเร็ว การศึกษาก็ต้องปรับตัวให้เร็วเท่าทันระยะเวลาในการจัดการคือ 1 สมัย เพราะถ้าอะไรที่ทำไม่ได้ใน 1 สมัย คือ จะไม่ทันกับโลกแล้ว
สุดท้าบยังระบุอีกว่า ปัจจุบันจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ จะสอนแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะไม่สามารถตรียมคนเพื่ออาชีพได้เหมือนในอดีต แต่ต้องเตรียมสกิลหรือความสามารถให้มากพอ เพื่อรับกับสถานการณ์ด้านอาชีพที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“...กระทรวงศึกษาธิการ จะต้องเปลี่ยนวิธีคิด ต้องเปลี่ยน Mindset เป็น Ministry of Future คือ เป็นกระทรวงที่ทำเพื่ออนาคต ต้องมองไปข้างหน้าว่า เด็กจบไปแล้วจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วย้อนกลับมาคิดให้ได้ว่า ต้องเตรียมอะไรเพื่อพวกเขา จึงจะเห็นแผนการทำงานที่ชัดเจนระบบการพัฒนาคนจะต้องมองว่า คนทุกคน จะต้องได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดเวลา”
อีกทั้งการผลิตกำลังคนตามช่วงชั้น และต้องคิดไปไกล ว่า มันจำเป็นจะต้องเป็นช่วงชั้นหรือเปล่า ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว
ขอบคุณ photos from กสศ.
(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)