‘คุรุสภา’ เปิดตัวเลข"ลงดาบครูทำผิด 174 ราย” เหลืออีกบานเบอะ ย้ำ!ผู้ประกอบวิชาชีพ ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ปรากฏ ข่าวผ่านสื่อสาธารณะ และสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับครูกระทำการ ลงโทษนักเรียนเป็นศิษย์ โดยใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม เป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคม และ อาจเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพครู ทั้งกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเป็นหนังสือ หรือกรณีที่ปรากฏ เป็นข่าวทางสื่อมวลชนใด ๆ ก็ตาม
เมื่อเกิดเหตุเกี่ยวกับการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพครู คุรุสภาก็จะเร่งดำเนินการพิจารณาโทษทางจรรยาบรรณอย่างเร่งด่วน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาที่เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงดังนี้
1. เลขาธิการคุรุสภาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบวิชาชีพที่ถูกร้องเรียน
2. กรณีพบว่าเรื่องร้องเรียนมีมูล คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสารจากหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย และพยานเอกสารอื่นๆ รวมทั้ง ให้โอกาสผู้ประกอบวิชาชีพที่ถูกกล่าวหา/กล่าวโทษได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา/กล่าวโทษ และ
3. เมื่อคณะอนุกรรมการสอบสวนดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะนำเสนอรายงาน การสอบสวนต่อ กมว. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยขี้ขาด และกำหนดระดับความผิดทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งจะมีโทษตั้งแต่ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาคุรุสภา โดย กมว.ได้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดกรณีผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาถูกกล่าวหา/กล่าวโทษ ว่าประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ไปแล้วจำนวนมาก และ ได้มีการออกคำวินิจฉัยแจ้งไปยังผู้ประกอบวิชาชีพ และหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยดังกล่าว
หากผู้ประกอบวิชาชีพคนใดถูกคำวินิจฉัยให้พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต บุคคลนั้น จะประกอบวิชาชีพดังกล่าวต่อไปไม่ได้ตามเงื่อนไขของคำวินิจฉัย และหากหน่วยงานต้นสังกัดไม่สามารถจัดหาตำแหน่งอื่นใดรองรับให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ จะส่งผลให้บุคคลนั้นต้องพ้นจากหน้าที่ไป
เลขาธิการคุรุสภา กล่าวด้วยว่า สถิติข้อมูลตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน กมว.ได้มีคำวินิจฉัยกำหนดระดับความผิดทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ เรียบร้อยแล้ว จำนวน 174 ราย ดังนี้
ตักเตือน 23 ราย
ภาคทัณฑ์ 41 ราย
พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 52 ราย
เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 58 ราย
ทั้งนี้ กรณีการกระทำผิดเกี่ยวกับล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการลงโทษนักเรียนโดยใช้วิธีการรุนแรงจนทำให้นักเรียนได้รับบาดเจ็บ เป็นกรณีความผิดที่มีระดับโทษสูงสุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
“ในระหว่างปี 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา/กล่าวโทษ ในเรื่องเกี่ยวกับ ล่วงละเมิดทางเพศ รวม 27 เรื่อง ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 3 ราย ถูกเพิกถอนใบอนุญาต 16 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาทางจรรยาบรรณของวิชาชีพ 8 เรื่อง
“เพื่อผดุงเกียรติยศ และศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพครู ดิฉันจึงขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู ประพฤติปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพครูอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ และเกิดผลเสียต่อผู้เรียนที่ได้รับผลกระทบจากการประพฤติผิดดังกล่าว แล้วถูกลงโทษทางวินัยและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการประกอบวิชาชีพ” ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม Edunewssiam ย้อนกลับไปดูข้อมูล พบว่า ยังมีมากกว่า 1,000 'คดีครู' ทั้งคดีเก่าและคดีใหม่ ทำผิดจรรยาบรรณ กมว.ระบุให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี : แต่ปัจจุบัน ได้มีคำวินิจฉัยเรียบร้อยแล้วเพียง 174 ราย
เมื่อย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2566 รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เปิดเผยว่า...
กมว.จะเร่งพิจารณาคดีต่าง ๆ ที่มีเข้ามาทั้งคดีเก่าและคดีใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี จากนั้นจะมาวิเคราะห์คดีความผิดต่างๆ แยกเป็นคดีที่ครูกระทำความผิดอย่างจงใจและมีหลักฐานชัดเจน คดีที่ครูกระทำผิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์...
สำหรับการวิเคราะห์คดีต่างๆ ของครูที่ทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพนั้น เพื่อต้องการนำไปแก้ไขปัญหาตั้งแต่กระบวนการผลิตครู ซึ่งเป็นต้นน้ำในการบ่มเพาะนักศึกษาครู ให้ตระหนักถึงวิชาชีพที่ตนเองกำลังศึกษาอยู่ว่า ควรจะมีความเข้าใจสถานการณ์แบบไหนต่อวิชาชีพครู เช่น การเป็นครูมีสิ่งใดที่ควรทำและไม่ควรทำ เป็นต้น
ขณะนี้ภารกิจของคุรุสภาในการจัดการคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับครูกว่า 1,000 คดี ซึ่งได้ดำเนินการจัดการไปแล้วประมาณ 400 คดี จนเหลือ 800 คดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ซึ่งในจำนวนนี้มีบางคดีที่มีข้อมูลหลักฐานชัดเจนจนนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่บางคดีก็อยู่ระหว่างการสอบสวน หรือบางคดีได้ข้อยุติโดยที่ไม่มีบทลงโทษ เพราะไม่มีหลักฐาน ทั้งนี้จะเร่งสรุปเคลียร์คดีที่ค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam
ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage