ประมวลเสียงคนศึกษา ครวญ" ครม. เลือกคนบางเก้าอี้ไม่เหมาะกับงาน

 

 

ประมวลเสียงคนศึกษา ครวญ" ครม.

เลือกคนบางเก้าอี้ไม่เหมาะกับงาน

 

ตุลย์ ณ ราชดำเนิน : เขียน

 

ภายหลังจาก เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีแล้ว โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

 

นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระ จ.นครราชสีมา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงหน้าตาของ ครม.เศรษฐา 1 ว่า หลายภาคส่วนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ครม.ชุดนี้ เพราะเรื่องแรกเหมือนว่ามีการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเข้ามาเป็นรัฐมนตรี แต่งตั้งบุคคลเข้ามาเป็นรัฐมนตรีตามโควต้า โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ที่เหมาะสมกับกระทรวงนั้น ๆ เช่น เอาคนที่เป็นครูไปคุมกระทรวงกลาโหม เอาคนที่เป็นตำรวจไปคุมกระทรวงศึกษาธิการ เขาจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องของเฉพาะทางเหล่านั้นได้อย่างไร

 

ขณะที่แฟนคลับรวมถึงผู้ที่เลือกพรรคก้าวไกลในโลกออนไลน์ ต่างก็แสดงท่าทีผิดหวัง ตั้งแต่พรรคไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มาล่าสุดเมื่อเห็นหน้าค่าตาของ ครม.เศรษฐา 1 จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เลือกคนไม่เหมาะกับงาน พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับ โผ ครม.ก้าวไกล ก่อนหน้านี้ ที่มีการวางตัว สส.ในพรรค ให้นั่งเก้าอี้สำคัญตามความรู้ความสามารถของ สส. 

 

อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง ที่ถูกวางตัวให้เป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของพรรค จบการศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บจก. แอ๊บโซลูท เมเนจเม้นท์ โซลูชั่นส์ จำกัด (absolute.co.th) ทำธุรกิจขายปลีกเครื่องเล่นวิดีโอเกมและซอฟต์แวร์สำเร็จรูป

 

ขณะที่ ครม.เศรษฐา 1 ผู้ที่ได้นั่งเก้าอี้ รมว.ดีอีเอส คือ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ สส. นครราชสีมา โดยนายประเสริฐ ปัจจุบันอายุ 63 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนในระดับปริญญาโท จบด้านสาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 

นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิจารณ์ถึงกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ มาเป็น รมว. ซึ่งก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตเป็นวงกว้าง ว่า เอาตำรวจมาคุมครู? มีการพูดถึงความเหมาะสมของตำแหน่งหน้าที่และความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงเรื่องของการรักษาอำนาจ ของ ตระกูลชิดชอบ

 

 

ซึ่งตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการนี้ ช่วงแรกในโผมีชื่อของ นายสุทิน คลังแสง ซึ่งหลายคนก็ยินดี เพราะนายสุทินเคยเป็นครูมาก่อน โดยเป็นอดีตผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่สุดท้ายกลายเป็นพลเรือนที่ได้คุมกลาโหม

 

สุดท้าย นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระ จ.นครราชสีมา ยังกล่าวด้วยว่า ก็มีหลายตำแหน่งที่ได้คน "ตรงสาย" อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.คลัง เป็นนักธุรกิจ จบเศรษฐศาสตร์และการเงิน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหมอที่ได้คุมกระทรวงสาธารณสุขดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าไทย มีบทบาทในด้านการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ฯลฯ

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้สื่อข่าว  ถึง อดีตผู้บริหารระดับสูง กระทรวงศึกษาธิการ ให้ความเห็นว่าแบบถอนหายใจหนัก ๆ ว่า ..น่าเสียดายที่การได้มาซึ่งคนมานั่งเก้าอี้ศธ.ของประเทศ ต้องมาจากการแบ่งโควต้าให้พรรคร่วมวนลูปแบ่งเค้กกันอีกครั้ง ทำให้หลายครั้งที่พลาดจะได้คนเก่งที่เข้าเข้าใจ เข้าถึง มาพัฒนาการศึกษาอย่างแท้จริง

 

โดยก่อนหน้านี้ ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา (ส.พ.บ.ค.) ได้ยื่นหนังสือ​​​ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การพัฒนาชาติบ้านเมืองด้านการศึกษาของชาติที่จะก้าวไปข้างหน้า ต้องบริหารจัดการโดยผู้รู้ ไม่ใช่บริหารจัดการโดยผู้มาเรียนรู้การบริหารกระทรวงศึกษาธิการ

 

ขณะที่หลายคนอยากได้ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม มานั่งเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ เพราะจบการศึกษาปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต ปริญญาโทบริหารการศึกษา และปริญญาเอก บริหารการจัดการอุดมศึกษานานาชาติ

 

ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ ชี้ผ่านไลน์กลุ่มว่า... ไม่ได้กังวลกับ รมว.ศธ คนใหม่หรอกครับ เชื่อว่าท่านคงคิดและทำเพื่อการศึกษาไทย แต่ที่น่ากลัวคือ "ไอ้อดีตเหลือบตัวเบ้ง ของ ศธ " ....จะติดก้นมาด้วย ไอ้นี่ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง/ครอบครัวและพวก แบบไม่อายใคร จับตาดูกัน!

 

แฟนเพจไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ที่ติดตาม edunewssiam มาตลอด ให้ความเห็นว่า ...แต่เมื่อได้รัฐมนตรี ที่มีภูมิหลังการทำงานราชการตำรวจ ไม่เคยมีผลงานด้านการศึกษา ไม่ปรากฏวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการศึกษา จึงอาจถือได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รัฐมนตรีที่อาจผิดตำแหน่ง

 

ศึกษานิเทศก์ ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาภาคเหนือ ท่านหนึ่ง กล่าวว่า การศึกษายุคใหม่ ขนาดคนในวงการ ต้องปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนยังตามไม่ค่อยทัน แล้วเอาคนนอกวงการยุคอดีตมานำ  ทิศทางจะถูกลากจูงไปทางใด ซ้ำร้าย มาอย่างหาความสง่างามไม่ได้เลย ครูไทยจะยิ่งสุขภาพจิตเสื่อมเพราะมี ผู้นำผิดฝาผิดตัว แน่แท้  จริงเชียว ตอบท้ายด้วยว่า ...ขอบคุณที่ยังมีนักการศึกษาผู้กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น

 

ศ.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคประชาสังคม) ในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาแสดงความเห็น กับ The Active สื่อออนไลน์แห่งหนึ่ง ต้องยอมรับว่าการศึกษาไทย เป็นประเด็นปัญหาสังคมที่รุนแรง และตกต่ำมานาน ทุกฝ่ายในสังคมต่างรับทราบปัญหาคุณภาพการศึกษาว่า ต้องการคนที่รู้จริง เข้าใจปัญหา เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาสร้างพลเมืองไปสู่อนาคตให้ได้

 

แต่เมื่อได้รัฐมนตรี ที่มีภูมิหลังการทำงานราชการตำรวจ ไม่เคยมีผลงานด้านการศึกษา ไม่ปรากฏวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการศึกษา จึงอาจถือได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รัฐมนตรีที่อาจผิดตำแหน่ง

 

 

กระนั้นก็ตาม ในวันอำลากระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ยังกล่าวฝากถึง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ.คนใหม่ ได้ช่วยสานนโยบายสถานศึกษาปลอดภัย โครงการพาน้องกลับมาเรียน โครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีงานทำ และโครงการโรงเรียนคุณภาพชุมชน ซึ่งถือเป็นโครงการสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำให้แก่ผู้เรียนอย่างแท้จริง รวมทั้งฝากเรื่องการพัฒนาครูที่จะต้องปรับเปลี่ยนองค์ความรู้ให้เท่าทันกับโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกรระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าว ขอฝากช่วยขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะเรื่องเหล่านี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กทุกคนในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

แม้แต่ นายกสมาคมครูชนบทสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ นายสานิตย์ พลศรี แม้ไม่ได้มีเสียงแสดงความเห็น แต่ยังมีความกังวลถึงอำนาจหน้าที่ ของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพฐ.) เนื่องจากเป็นผู้ทรงอิทธิพลในเรื่องการโยกย้าย การจัดซื้อ จัดจ้างหรืออื่น ๆ สามารถให้คุณให้โทษต่อการจัดการศึกษาได้

 

ในเหตุผล...เพราะผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพฐ.) บางคน บางตำแหน่ง ดำรงตำแหน่งมาครบวาระ ๔ ปี ซึ่งจะต้องมีการโยกย้าย ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อครบวาระ ก็ขอต่อวาระเป็นคราวๆ ไปคราวละ ๑ ปี จนทำให้บางคน บางตำแหน่งเกิดอิทธิพล ในราชการได้ในหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการให้คุณ ให้โทษ ได้ในทุกด้าน ทั้งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในเรื่องการโยกย้าย การจัดซื้อ จัดจ้างหรืออื่น ๆ ได้  ทำให้โรงเรียนผู้บริหารโรงเรียน และคณะครู เกิดความหวาดระแวงจนมีผลกระทบต่อการจัดการศึกษา เพราะขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ราชการได้เป็นอย่างมาก

 

นายสานิตย์ จึงฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ป้ายแดง ดำเนินการตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ในการโยกย้ายตามฤดูกาล จะก่อให้เกิดผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการของทุกฝ่ายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาต่อไป

 

ดังนั้น ทุกเสียงที่กล่าวถึง  เปรียบเสมือนคำทักทายที่มีความปรารถนาดี ควรได้รับการขอบคุณจาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คนใหม่อย่างยิ่ง

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ 

https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage