ศธ.กำชับ สกร.เร่งเก็บเด็กหลุดออกกลางคัน คืนสู่การ

ศึกษา - อว." ขยับรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทุกที่ทุกเวลา 

นายธฤติ ประสานสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จากที่ผู้ตรวจราชการ ศธ.ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามนโยบายและจุดเน้นของ ศธ. ในประเด็นการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา ซึ่ง ศธ.มีนโยบายที่จะค้นหาติดตามผู้เรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาและออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษานั้น

ขณะนี้ดำเนินการได้ 95-98% ส่วนหนึ่งผู้เรียน หรือผู้ปกครองมีข้อจำกัด หรือมีความจำเป็น ไม่สามารถเข้าเรียนได้ คือ อาจเป็น กลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ หรือผู้ด้อยโอกาสที่มีฐานะ ยากจน หรือกลุ่มชาติพันธุ์ หรืออยู่ห่างไกล ชายขอบ ซึ่งส่วนนี้ ศธ.ได้มอบหมายให้สถานศึกษา ในสังกัดหารูปแบบที่เหมาะสมให้กับผู้เรียน

นายธฤติกล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบที่เหมาะสมในการทำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ มีหลากหลายส่วน ไม่ว่าจะเรียนในระบบ หรือนอกระบบก็ตาม แต่ส่วนหนึ่งในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่ผู้เรียนอายุ 6-15 ปี ต้องอยู่ในการศึกษาภาคบังคับ คือ ถึงชั้น ม.3 ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน

แต่มีข้อจำกัดว่า ถ้าเป็นคนชายขอบ หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือพ่อแม่มีความจำเป็น

ส่วนหนึ่งจะมีหน่วยงานที่เข้ามารองรับได้อย่างดี คือ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) หรือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เดิม ที่มีภารกิจการจัดการศึกษาตลอดชีวิตให้กับประชาชน รวมถึงจัดการศึกษาเพื่อเพิ่มคุณวุฒิตามระดับ คือ จัดให้มีความรู้ในระดับชั้น ป.6, ม.3 และ ม.6

แต่หากเด็กมีความจำเป็น ไม่สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานปกติได้ด้วยเหตุต่างๆ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถส่งลูกหลานเข้าเรียนกับ สกร.ได้ในทุกระดับชั้น เพื่อทำให้เด็กมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้ทุกคน และยังตอบสนองนโยบาย ศธ. ที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งสอดคล้องกับบทบาทภารกิจของ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงการศึกษาตลอดชีวิตด้วย

นายธฤติกล่าวถึงผู้ด้อยโอกาสที่หลุดระบบการศึกษาอีกประมาณ 1-2% ในส่วนนี้ศธ.ได้สั่งการให้สถานศึกษาในสังกัด ออกค้นหาและติดตามผู้เรียนเหล่านี้กลับเข้าสู่ระบบ โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสมของผู้เรียนว่า ถ้าไม่สามารถเข้าเรียนในระบบปกติได้ ให้เรียนในสถานศึกษาเฉพาะด้านเฉพาะทาง

และถ้าเป็นเด็กกลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ ให้ส่งไปที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ หรือโรงเรียนเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นโสตศึกษา โรงเรียนพิการทางสายตา โรงเรียนที่ดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น

ที่สำคัญเด็กด้อยโอกาสจำนวนมาก ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ให้เข้าศึกษาที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ทำให้เด็กด้อยโอกาสเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้ รวมถึงเข้าเรียนในสถานศึกษาสังกัด สกร. ที่มีหน่วยจัดอยู่ในทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ไม่ว่าจะอยู่บนดอย ชายขอบ เกาะ แก่ง ก็ตาม

ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า...ตามที่ได้มีการอภิปราย ถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือทุกช่วงวัย ในระหว่างการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา มีข้อเสนอเรื่องการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านการบูรณาการทำงานร่วมกันของกระทรวงต่าง ๆ นั้น

ทาง อว. ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย เพื่อให้คนมีรายได้สามารถทำงานตรงกับความต้องการของประเทศ ผ่านระบบการอุดมศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัยมาโดยตลอด

ซึ่งที่ผ่านมา อว.มีโครงการที่เกิดจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เช่น การจัดทำห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน รวมถึงการสนับสนุนนักเรียนทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รมว.อว. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ อว.ยังทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อเพิ่มทักษะความสามารถ หรือ โครงการ Reskill-Upskill จัดโครงการระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติ และโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย เพื่อการจัดการเรียนการสอนในระบบเปิดให้สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และกระทรวงแรงงาน อาทิ โครงการส่งเสริมกำลังคนด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมการขับเคลื่อนมาตรการยกระดับการจ้างงานบุคลากรตำแหน่งงานทักษะสูง

อย่างไรก็ตาม อว.มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ ในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตมาโดยตลอด สอดคล้องกับการปฏิรูปการอุดมศึกษา เพื่อทลายพรมแดนแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต.

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ 

https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage