ครม.ตีกลับ งบกสศ. 7 พันล้าน ซ้ำซ้อนกระทรวงศึกษา หลังถูกสั่งให้กลับไปทบทวนมาแล้ว ซ้ำยังไม่มีคำอธิบาย

 

 

ครม.ตีกลับ งบกสศ. 7 พันล้าน ซ้ำซ้อนกระทรวงศึกษา หลังถูกสั่งให้กลับไปทบทวนมาแล้ว ซ้ำยังไม่มีคำอธิบาย

 

วันนี้ (10 ตุลาคม 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งการให้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กลับไปทบทวนแผนการใช้เงินของกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (ฉบับทบทวน) จำนวน 9 แผนงาน วงเงิน 7,094.97 ล้านบาท ใหม่  

 

ทั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่เคยได้ไป 1,021.21 ล้านบาท แต่ครั้งนี้เป็นการเสนอมาเป็นฉบับทบทวน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทาง กสค.เคยเสนอมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกตีกลับไปให้กลับไปทบทวนแล้วกลับมาเสนอใหม่  ใน 9 แผนงาน

 

ซึ่งการเสนอครั้งนี้ที่ประชุมมีการถกเถียง แสดงความเห็นว่า แผนงานทั้ง 9 แผนนั้น มีอยู่ 2 แผนที่ที่ประชุม ครม. ตั้งข้อสังเกต ได้แก่ แผนงานที่ 2 ที่ว่าด้วยการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา สำหรับประถมวัยและภาคบังคับ เช่น พัฒนาระบบคัดกรอง ช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในครัวเรือนยากจน

 

 

สำหรับแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มีวงเงินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,021.21 ล้านบาท ซึ่งการเสนอเข้ามาครั้งนี้ เป็นการเสนอเข้ามาอีกครั้ง หลังจากถูกสั่งให้กลับไปทบทวนมาแล้ว 1 ครั้ง โดยที่ประชุมมีการตั้งข้อสังเกตและถกเถียงกันว่า มี 2 แผนงานที่อาจซ้ำซ้อนกัน ประกอบด้วย

 

แผนงานที่ 2 ว่าด้วยการพัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา สำหรับประถมวัยและภาคบังคับ เช่นพัฒนาระบบคัดกรองช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในครัวเรือนยากจน โดยการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข ซึ่งเสนอขอเงินเข้ามาสูงที่สุด วงเงิน 4,448.96 ล้านบาท

 

แผนงานที่ 6 ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ระดับสูงกว่าภาคบังคับ เช่น การสนับสนุนเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสให้ได้รับโอกาสในการศึกษาต่อในสาขาอาชีพที่เสมอภาคกับเยาวชนทุกคน วงเงิน 1,025.09 ล้านบาท

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้พอสมควร และบอกว่าเป็นห่วงว่า กองทุนฯ เสนอของเงินมาครั้งนี้อาจไปซ้ำซ้อนกับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดการศึกษากับภาคบังคับทุกระดับชั้นและใช้งบไปหลายแสนล้านอยู่ แล้ว

 

ครม.จึงให้อธิบายว่า ซ้ำซ้อนกับงบกระทรวงศึกษา หรือไม่ โดยให้นำข้อสังเกตของครม.ไปทบทวน และจัดทำรายละเอียดมาเสนออีก

 

นายชัย ขยายความต่อว่า ครม.ได้ขอ กสศ. ไปพิจารณารายละเอียดตามข้อสังเกตต่าง ๆ ให้เกิดความชัดเจน และกลับมาเสนอในครม.ครั้งหน้า โดยต้องมีคำอธิบายให้กระจ่าง ว่าไม่ซ้ำซ้อนอย่างไรบ้าง

 

“เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่อมาจากรัฐบาลที่แล้ว และในการประชุมครม.คราวที่แล้ว มีอภิปรายว่า มีการท้วงติงกันไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีความซ้ำซ้อน และเสนอมาเที่ยวนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบาย อีกทั้งยังไม่มีมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย จึงจ้ำเป็นต้องกลับไปทบทวนให้กระจ่าง โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของการใช้เงิน” ครั้ง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ

 

มีรายงานแจ้งว่าที่ประชุมครม.วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ครม.แทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดราชการที่ต่างประเทศ  โดยในช่วงของการพิจารณางบประมาณ ประจำปี2567 ของกองทุนเพื่อความเสนอภาคทางการศึกษา

 

ปรากฏว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม และ ครม.แสดงความคิดเห็นกันมาก

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มีคำถามว่า กสศ. เป็นการปล่อยกู้เหมือน กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) หรือไม่ แต่ในที่ประชุมครม.ไม่มีใครชี้แจง หรืออธิบายใด ๆ แม้จะมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมครม.ก็ตาม

 

ในที่สุดครม.เห็นชอบ เหมือนสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เห็นชอบเช่นกัน แต่ครม.ยุคปัจจุบันขอให้สำนักงบประมาณ กสศ. และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ไปทำรายละเอียด เพื่อไม่ให้ภารกิจเกิดความซ้ำซ้อนกับกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

ขณะเดียวมีรายงานจากผู้สื่อข่าว แจ้งว่า ดร.ไกรยศ ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสนอภาคทางการศึกษา(ผู้จัดการ กสศ.) ขณะนี้ดูงานที่ต่างประเทศ  ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ว่า... ให้กสศ.กลับไปทบทวนข้อเสนอการของบประมาณประจำปี 2567 วงเงิน 7,094.97 ล้านบาท ใหม่ นั้น

 

...เนื่องจากมองว่า ภารกิจอาจซ้ำซ้อนกับกระทรวงศึกษาธิการ ครม.เห็นชอบตามที่ กสศ. เสนองบประมาณ ปี2567 ไป เพียงแต่ที่ประชุมครม. มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง แต่ทุกอย่างคงต้องรอมติครม.อย่างเป็นทางการก่อน ”

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage