เร่งซ่อมแซมพื้นห้องเรียนเก่าพนัสพิทยาคาร”

ถล่ม เพิ่มพูน” ย้ำให้ ร.ร.ทั่วประเทศสำรวจ

ป้องกันเหตุซ้ำ

กรณีเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2566 พื้นอาคารเรียนทรุดตัวถล่ม ทำให้เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพนัสพิทยาคาร อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี กว่า 30 คน ร่วงลงพื้นลึกกว่า 2 เมตร ได้รับบาดเจ็บ โดยหลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.พนัสนิคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารเก่า 2 ชั้น อายุประมาณ 47 ปี

โดยในช่วงเกิดเหตุ นักเรียนกำลังจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแข่งขันตอบภาษาอังกฤษที่หน้าห้อง จู่ ๆ พื้นอาคารเรียนก็เกิดทรุดตัวหลังเกิดเหตุคณะครูได้ช่วยกันนำนักเรียนขึ้นมา พบว่านักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นแผลถลอกตามร่างกาย ในจำนวนนี้ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลพนัสนิคม

หลังเกิดเหตุคณะครูได้ช่วยกันนำนักเรียนขึ้นมา พบว่านักเรียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นแผลถลอกตามร่างกาย ในจำนวนนี้ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลพนัสนิคม

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซม พื้นไม้ในห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนพนัสพิทยาคาร จังหวัดชลบุรี ที่เกิดทรุดตัวขณะกลุ่มนักเรียนออกไปทำกิจกรรมหน้าห้อง จนนักเรียนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกฟกช้ำจำนวนมาก รวมทั้งคณะครูและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยนักเรียนนำส่งโรงพยาบาล ตรวจสอบพบเป็นอาคารเก่า 2 ชั้น อายุประมาณ 47 ปี โดยพื้นได้ทรุดลงไปความลึกประมาณ 2 เมตร ที่ด้านล่างมีน้ำขังอยู่

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าห้องถูกปิดล็อก มีเชือกกั้นห้ามเข้า เบื้องต้นยังมีร่องรอยการพังเสียหายอยู่ จากการตรวจสอบพบว่าตึกดังกล่าวเป็นพื้นไม้ทั้งหมด มีการซ่อมแซมไปแล้วหลายห้อง แต่ทางโรงเรียนต้องปิดอาคารไว้ก่อนเพื่อปรับปรุง พร้อมให้ทางเด็กนักเรียน ม.1-ม.3 ไปเรียนที่อาคารอื่น ก่อนจนกว่าจะมีการปรับปรุงเสร็จ

นายประโยชน์ กีรติปกรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพนัสพิทยาคาร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ตนเองได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่โรงเรียนแห่งนี้ พบว่าพื้นห้องเรียนเก่ามาก ก็ทยอยซ่อมแซมไปแล้วหลายห้อง แต่ห้องนี้ยังดูปกติ พื้นไม้ยังไม่ได้ดูโก่งตัว จึงยังไม่ได้ซ่อมแซม และตั้งใจไว้แล้วว่าช่วงปิดเทอมใหญ่ จะดำเนินการซ่อมแซม แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเสียก่อน

ล่าสุด พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวหลังเกิดเหตุพื้นไม้อาคารเรียนเก่าโรงเรียนในจังหวัดชลบุรี พังถล่ม ทางผู้บริหารและครู ดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นอย่างดี และมีระบบการรายงานผลที่รวดเร็ว

อีกทั้งที่ผ่านมาตนเองได้ฝาก เรื่องความปลอดภัยด้านอาคารสถานเป็นสำคัญมาก พร้อมกำชับให้โรงเรียนทั่วประเทศสำรวจ ตรวจสอบห้องเรียน อาคาร ห้องน้ำ พัสดุ อุปกรณ์อื่น ๆ โดยรอบโรงเรียนให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงเป็นประจำทุกวัน หากชำรุดเสียหายต้องเร่งซ่อมแซมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

หรือหากสุดวิสัยยังไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้ ก็ต้องจัดทำแนวกั้น ป้ายเตือน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage