ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ.ให้เพิกถอนมติผู้ไม่มีคุณสมบัติ เข้ารับการ ประเมิน ว 13

 

ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง ขอทบทวนมติ

ก.ค.ศ.ให้เพิกถอนมติผู้ไม่มีคุณสมบัติ เข้ารับการ

ประเมิน ว 13 

 

30 พฤศจิกายน 2566 – ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)  ครั้งที่ 12/2566 โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม และ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ ดังนี้

 

ที่ประชุม รับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่น ที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ทุกตำแหน่ง (ว 13/2556)

 

จากการที่มีผู้ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 บางรายได้ยื่นฟ้อง ก.ค.ศ. ต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนมติ ก.ค.ศ. ที่ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 และให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 นั้น

 

ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง ผู้ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่น ที่ประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ทุกตำแหน่ง (ว 13/2556)

 

ขณะนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องแล้ว จำนวน 2 ราย และวินิจฉัยว่า... การพิจารณาของ ก.ค.ศ. เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยหลักเกณฑ์และเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งประเด็นที่ยื่นฟ้องเป็นประเด็นเดียวกันกับประเด็นที่ผู้ขอทบทวนส่วนใหญ่ นำไปยื่นฟ้อง ก.ค.ศ. ต่อศาลปกครอง

 

ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้แจ้งคำพิพากษาดังกล่าว ให้ศาลปกครองทุกแห่งที่มีผู้นำประเด็นนี้ไปฟ้องคดี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีที่เหลืออยู่แล้ว

 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการและกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

 

ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาในกระบวนการยื่นคำร้องขอย้ายและการพิจารณาย้ายข้าราชการครูฯ ที่ยังคงใช้รูปแบบการพิจารณาเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ครูต้องเดินทางไปยื่นคำร้องขอย้ายด้วยตนเองที่ต้นสังกัด ซึ่งทำให้เกิดการปัญหาการทิ้งห้องเรียนตามมา รวมถึงมีเสียงสะท้อนจากสังคมที่ชี้ว่ากระบวนการย้ายครูไม่โปร่งใสเท่าที่ควร

 

ดังนั้น ก.ค.ศ. จึงได้ดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ตำแหน่งครู ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 18 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 (ว 18/2566) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2567 โดยกำหนดให้มีการยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดให้ส่วนราชการกำหนดตัวชี้วัดให้เป็นปรนัยเพื่อลดการใช้ดุลพินิจนอกจากนี้ ยังต้องการให้เกิดเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ให้ครูได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ภูมิลำเนาด้วยกระบวนการที่โปร่งใส ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง

 

ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายฯ บรรลุผล และเพื่อประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

 

ก.ค.ศ. จึงได้มีมติเห็นชอบหลักการและกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นผู้จัดทำระบบการย้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ และให้นำความเห็นของที่ประชุมไปประกอบการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อไป

 

ทั้งนี้ การพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าว จะทำให้กระบวนการย้ายมีความโปร่งใส เป็นธรรม มีตัวชี้วัดในการพิจารณาย้ายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับบริบทของส่วนราชการ

 

รวมทั้งข้าราชการครู จะมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่ได้ย้ายกลับภูมิลำเนา เพื่อดูแลบิดามารดา หรือเพื่ออยู่ร่วมกับครอบครัว ลดภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สิน สถานศึกษามีข้าราชการครูไปปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง และสถานศึกษาได้ครูทันเปิดเทอม

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage