“มูลนิธิเอสซีจี” ล้ำหน้าศธ. ขยายแนวคิด LEARN TO EARN “เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด” สู่วาระแห่งชาติ

 

“มูลนิธิเอสซีจี” ล้ำหน้าศธ. ขยายแนวคิด LEARN TO EARN

“เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด” สู่วาระแห่งชาติ

 

มูลนิธิเอสซีจีเดินหน้าขยายแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด จัดงาน Learn to Earn : The Forum ผนึก Key Drivers ทุกภาคส่วนระดับประเทศ นำทัพสร้างวาระแห่งชาติ “เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด” จุดประกายและเปิดมุมมองใหม่ ให้เยาวชนได้เรียนรู้ ปรับตัวแบบ Lifelong learning พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “ประเทศไทย ต้องเร่งขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน คนจึงเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ รัฐบาลจึงเร่งปรับปรุงคุณภาพการศึกษาทุกระดับ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและขจัดความยากจน ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเรียนการสอน

 

ทั้งนี้ เพื่อทำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานที่จะทำให้เกิดคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีรายได้เลี้ยงตนเองได้ พร้อมส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong learning เร่งพัฒนาทักษะ ทั้ง Hard skill และ Soft skill รวมถึงสร้าง Future skill ที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน และอาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” 

 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในฐานะรองนายกฯ Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยูรอด” เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคน จึง อยากเห็นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา อุตสาหกรรม และสาธารณสุข ซึ่งการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ พวกเราต้องเตรียมพร้อมแรงงานของชาติให้เก่งทั้งทักษะงาน และทักษะการใช้ชีวิต 

 

ที่สำคัญต้องเป็นคนดีมีน้ำใจ ซึ่งจะทำให้ประเทศเราก้าวไปเร็วยิ่งขึ้น ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่เห็นความสำคัญและร่วมกันขับเคลื่อนให้แนวคิดดังกล่าวเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันได้และพัฒนาได้อย่างยั่งยืน”

 

 

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “มูลนิธิเอสซีจี ได้ดำเนินงานเพื่อสังคม ลดความเหลื่อมล้ำด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนมานานกว่า 60 ปี เป็นจำนวนกว่า 100,000 ทุน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคนให้เติบโตเป็นทั้งคนเก่งและดี มีน้ำใจ

 

แต่ปัจจุบันพบว่า ยังมีผู้ว่างงานจำนวนมาก เพราะทักษะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด จึงเกิดเป็นแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ด้วยหวังว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ จะปรับตัวทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน”

 

“เรามาถึงจุดที่การศึกษาต้องปรับตัว ร่วมพลังกันทุกภาคส่วน เพราะการศึกษาในโลกยุคใหม่ คือการเรียนรู้ ที่ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ใช้งาน ต้องปรับตัวเข้าหากัน ทักษะความรู้สำคัญไม่แพ้ทักษะชีวิต ในนามของมูลนิธิเอสซีจี

 

ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่จะร่วมกันผลักดันแนวคิด Learn to Earn ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมขยายไปในวงกว้าง เพราะจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาน้อยลง เมื่อมีอาชีพ มีรายได้ คนในสังคมก็จะพึ่งพาตัวเองได้ และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

 

 

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “เมื่อก่อน เราอาจจะเคยเชื่อว่าการเรียนในห้องเรียนมีเพียงรูปแบบเดียวที่จำเป็นและเหมาะกับทุกคน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป  รูปแบบการเรียนรู้ก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย ยิ่งโลกไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น น้องๆ เยาวชนเองก็รู้จักตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่าตนเองชอบอะไร ถนัดอะไร อยากจะมีชีวิตแบบไหน  

 

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิฯ จึงได้วางแนวทางในการพัฒนาทักษะของเยาวชนให้ตอบโจทย์และตรงกับสภาวการณ์ปัจจุบันผ่านแนวคิด Learn to Earn มุ่งเน้นให้ทุนการศึกษาในการหนุนและเสริมสร้างพัฒนาทักษะให้กับคนรุ่นใหม่ หรือ คน Gen Z ด้วยการใช้ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Power Skill) ทักษะที่มีบทบาทสำคัญในการนำไปใช้ประกอบอาชีพ เช่น นักบริบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ ยูทูปเบอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต เป็นต้น  

 

ไม่เพียงเท่านี้ ยังสนับสนุนการสร้างทักษะเข้าสังคมและอารมณ์  (Social & Emotional skills) ยกตัวอย่างเช่น ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะความฉลาดทางอารมณ์ และทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการติดอาวุธเสริมทักษะให้เยาวชนพร้อมออกไปดำเนินชีวิตสามารถอยู่รอดในโลกปัจจุบันและอนาคตอย่างดีที่สุด 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage