สพฐ.ย้ำกฎเหล็กรับเด็ก ปี 67'' เงื่อนไขพิเศษ' ป.ป.ช.เตรียมลงดาบ ร.ร.-สมาคมผู้ปกครอง ที่เก็บเงินนอกเหนือประกาศ

 

สพฐ.ย้ำกฎเหล็กรับเด็ก ปี 67'' เงื่อนไขพิเศษ' ป.ป.ช.เตรียมลงดาบ ร.ร.-สมาคมผู้ปกครอง ที่เก็บเงินนอกเหนือประกาศ

  

วันนี้ (7 ก.พ. 67) ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้มอบหมายให้ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video Conference ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สพฐ. อาคาร สพฐ. 5 ชั้น 9 กระทรวงศึกษาธิการ ในประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ

 

เรื่องการรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2567 และ การจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบาย จุดเน้น และ นโยบายระยะเร่งด่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ 2567 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในสังกัด 

 

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล กล่าวว่า สพฐ. เน้นย้ำเรื่องการแประจำปีการศึกษา 2567 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และมีข้อห่วงใยถึงกรณีการรับนักเรียน “เงื่อนไขพิเศษ” นอกเหนือจากที่ สพฐ. กำหนดไว้ 4 ข้อ ดังนี้

 

1.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้บริจาคที่ดิน หรือสิ่งก่อสร้างเพื่อจัดตั้งโรงเรียนซึ่งมีเงื่อนไขหรือข้อตกลงร่วมกันมาก่อน ตามมติคณะรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562

2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส

3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ หรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ

4.นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครู และบุคลากรในโรงเรียนนั้น สำหรับเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ

 

นอกเหนือจาก 4 ข้อดังกล่าว หากโรงเรียนเห็นว่ามี ความจำเป็นต้องให้เสนอคณะกรรมการรับนักเรียนระดับเขตพื้นที่การศึกษาให้ความเห็นชอบก่อนการประกาศรับสมัครนักเรียน โดยให้คณะกรรมการรับนักเรียนระดับโรงเรียน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ รวมกับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ ไม่เกินร้อยละ 20 ของแผนการรับนักเรียนห้องเรียนปกติ และประกาศหลักเกณฑ์ก่อนการประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการพิจารณาตามเงื่อนไขพิเศษให้สาธารณชนทราบ

 

ทั้งนี้ กรณีเงื่อนไขพิเศษของนักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส ให้ประกาศเฉพาะเลขประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือก โดยให้มีการจัดทำฐานข้อมูลรายชื่อและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเป็นความลับ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามหลักสิทธิของเด็ก ตามหลักการสิทธิมนุษยชนของเด็กฯ

 

สำหรับเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ จะต้องมีหลักเกณฑ์การรับ การคัดเลือกนักเรียน และขอบเขตในการพิจารณาที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่เป็นการใช้ดุลพินิจอย่างกว้างขวาง

 

 

นายพัฒนะ ยังกล่าวถึงการเก็บเงินบำรุงการศึกษาว่า จากการติดตามของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า โรงเรียนบางแห่งมีการเก็บเงินค่าใช้จ่าย โดยสมาคมผู้ปกครองซึ่งเป็นการเก็บเงินที่นอกเหนือจากโรงเรียนได้ประกาศไว้

 

สพฐ. ได้ให้ความสำคัญต่อกรณีดังกล่าวและขอกำชับว่า ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ประกาศ ณ วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้สถานศึกษาสามารถเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาได้ โดยสถานศึกษาต้องออกใบเสร็จให้กับผู้ปกครองเมื่อรับเงินเข้าสู่สถานศึกษาแล้ว และให้จัดเก็บตามอำนาจการเก็บรักษาเงินรายได้สถานศึกษา ตามหนังสือ สพฐ. ที่ ศธ 04002/383 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2549 อย่างเคร่งครัด

 

ส่วนในเรื่องของการจัดทำแผนบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ 2567 ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่

 

1.การวิเคราะห์บริบทของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา (School Mapping)

 

2. การจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบาย และจุดเน้นและนโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) ของ สพฐ. และนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทำการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพบริบทของโรงเรียนในสังกัด พร้อมจัดกลุ่มตามคุณภาพการศึกษา และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายฯ โดยใช้ข้อมูลจากแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ได้จัดทำไว้แล้ว ว่ามีโครงการหรือกิจกรรมใด ที่สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นฯ และนโยบายระยะเร่งด่วน ให้นำข้อมูลโครงการหรือกิจกรรมนั้น มาระบุในแบบฟอร์มที่กำหนด

 

ทั้งนี้ จะต้องกำหนดโครงการเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายและจุดเน้นฯ และนโยบายระยะเร่งด่วน ทุกนโยบาย อย่างน้อยนโยบายละ 1 โครงการ เว้นแต่นโยบายระยะเร่งด่วน เรื่อง การลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ข้อ 3 “ส่งเสริมระบบธนาคารหน่วยกิต (CREDIT BANK)” ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอาจไม่ได้ดำเนินการในข้อนี้

 

สำหรับโรงเรียนก็เช่นเดียวกัน ให้ดำเนินการวิเคราะห์บริบทของตนเอง และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายฯ โดยใช้ข้อมูลจากแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และ/หรือกำหนดโครงการ/กิจกรรม และเป้าหมายการดำเนินงานที่เหมาะสมกับจุดที่ควรพัฒนา หรือแนวทางการพัฒนาให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้น ตามการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR)

 

 

ในช่วงท้ายของการประชุม ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้เข้ามาพบปะกับผู้เข้าร่วมประชุม และได้เน้นย้ำการขับเคลื่อนนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ในเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยกำชับให้หน่วยงานในสังกัด ทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสถานศึกษา ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) อย่างเคร่งครัด

 

รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนอย่างจริงจัง โดยยึดหลัก 3 ป คือ ปลูกฝัง ป้องกัน และปราบปราม เพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาทได้อย่างตรงจุด

 

พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักเรียนโดยใช้วิธีการเชิงบวกและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และทำงานบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง และตำรวจให้มากขึ้น เพื่อสวัสดิภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ 

https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage