สพฐ.ออกแนวปฏิบัติ “ 1 ธุรการ ควบ 2 ร..ร.” อาจได้"สอบครูผู้ช่วย เตรียมแก้กฎ “จับคู่ย้ายครู” กรณีสถานศึกษาที่เกินเกณฑ์ไม่สามารถย้ายได้

 

สพฐ.ออกแนวปฏิบัติ “ 1 ธุรการ ควบ 2 ร..ร.” อาจได้"สอบครูผู้ช่วย เตรียมแก้กฎ “จับคู่ย้ายครู” กรณีสถานศึกษาที่เกินเกณฑ์ไม่สามารถย้ายได้  

 

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับทราบ โดยเฉพาะการจับคู่ย้ายครูคืนถิ่น ผ่านระบบ TMS หรือ Teacher Matching System

 

สืบเนื่องจาก ณ วันนี้ หลายเขตพื้นที่ฯ ได้ดำเนินการย้ายตามความต้องการของครูแล้ว แต่ยังมีปัญหาบางส่วนในทางปฏิบัติ เช่น จับคู่ได้แล้ว แต่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในโรงเรียนที่เกินเกณฑ์ ก็ไม่สามารถย้ายได้ เป็นต้น ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะรวบรวมปัญหาทั้งหมด ที่ผู้อำนวยการ สพท.ได้สะท้อนมา เพื่อนำไปปรับแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ส่วนความคืบหน้าการจัดสรรอัตรานักการภารโรงนั้น ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบจัดสรรนักการภารโรงให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนแล้ว 14,210 อัตรา ในปีงบประมาณ 2567

 

ส่วนตำแหน่งธุรการ ซึ่งปัจจุบัน สพฐ.มีธุรการอยู่กว่า 21,000 คน แต่มีโรงเรียนอยู่ 29,312 แห่ง เท่ากับยังขาดธุรการอีกกว่า 7,000 โรง สพฐ.ได้มีหนังสือให้ สพท.ไปบริหารจัดการ โดยแจ้งแนวปฏิบัติให้ สพท.จัดสรรธุรการให้กับโรงเรียน 1 คน ไม่เกิน 2 โรงเรียน

 

ดังนั้น คิดว่าให้ธุรการ 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิน 2 โรงเรียน น่าจะเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันนี้มีระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยในการทำงาน สามารถลดภาระได้มากขึ้น ซึ่งสมัยก่อน สพฐ.ให้ธุรการ 1 คน ปฏิบัติงาน 3-4 โรงเรียน แต่วันนี้ลดเหลือ 2 โรงเรียนต่อ 1 คน ดังนั้น คิดว่าจะไม่มีปัญหาในการปฏิบัติงาน

 

ขณะเดียวกัน สพฐ.และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้หารือว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการมีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยให้ผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพครูสามารถไปสอบเป็นครูผู้ช่วย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคล เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ (ว16) และในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ว17) ได้

 

แต่หากไม่มี ก็สามารถสอบในตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.(2) ที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ฯได้อยู่แล้ว 

 

กล่าวต่อว่า การบริหารอัตรากำลังนั้น สำรวจพบขณะนี้หลายโรงเรียนและหลายเขตพื้นที่ฯมีทั้งอัตราขาดและเกิน ฉะนั้น หลังจากการย้ายในรอบนี้ ขอให้ผู้อำนวยการ สพท.ปรับอัตรากำลังให้โรงเรียนที่ขาด

 

เนื่องจากที่ผ่านมา สพฐ.เป็นจำเลยสังคม ว่า ไม่สามารถจัดสรรอัตรากำลังให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนได้ ส่งผลต่อคะแนนประเมินต่าง ๆ ทั้งผลประเมินโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA และคะแนนการสอบวัดความสามารถพื้นฐานผู้เรียนระดับชาติ หรือ NT ที่ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย

 

ดังนั้น ฝากให้ผู้อำนวยการ สพท.ช่วยปรับอัตรากำลัง และพยายามเกลี่ยให้แต่ละโรงเรียนใกล้เคียงกับอัตราที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด เพื่อให้นักเรียนได้รับการจัดการเรียนการสอบอย่างเต็มความสามารถ

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage