ถอดรหัส”เนวิน’ สอนน้อง เพิ่มพูน” วันนำทัพบิ๊กศธ. สัมมนาวันหยุด ภายใต้ “ลมหายใจแห่งบุรีรัมย์”
เมื่อ บิ๊กอุ้ม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำทัพบิ๊กศธ. สัมมนาวันหยุดเมื่อวันที่ 16-17 มีนาคม ที่บุรีรัมย์ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น จาก‘เนวิน’ ผู้เป็นพี่ชายร่วมติวเข้ม ในโครงการสัมมนานักบริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ
ประเด็นที่น่าสนใจ ที่เชื่อว่าผลจากการติวเข้มของ เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผู้เป็นพี่ชาย ครั้งนี้ อาจมีผลต่อนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่ บิ๊กอุ้ม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในเร็ววันอันใกล้
ถอดรหัสจากการกล่าว หลายช่วงตอนว่า เริ่มตั้งแต่
“... ยินดีต้อนรับสู่ “ลมหายใจแห่งบุรีรัมย์” “Breath of Buriram” ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา จังหวัดบุรีรัมย์ ติดอันดับ 6 จังหวัด ที่มีความยากจนที่สุดในประเทศไทย
แต่ 14 ปีที่ผ่านมา เราเปลี่ยนแปลงไปมาก จากสนามฟุตบอล เป็นสนามแข่งรถ มีระบบเศรษฐกิจที่ดี จากที่เคยเป็นแค่เมืองผ่าน แต่ตอนนี้เป็น Destination หนึ่งของประเทศไทยในหลายด้าน
สิ่งสำคัญที่บุรีรัมย์ทำอะไรก็ตาม คือ ตัองมีความเป็นมาตรฐาน (Buriram Standard) 3 ด้าน คือ ต้องมีความแปลก อลังการ และมีความเป็น World Standard ดัวย
ความเชื่อของผมและคนบุรีรัมย์ คือ เราอาจมีทรัพยากรที่จำกัด แต่ความคิดสร้างสรรค์มีได้ไม่จำกัด เพราะสติปัญญาสามารถสร้างทรัพยากร สิ่งมีค่าให้เกิดขึ้นได้
จะเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ที่ต้องวางแผนลงทุน creativity เพื่อทดแทนทรัพยากรน้ำมัน-แก็ส ที่อาจหมดไปในอนาคต
หรือเมืองพัทยา ซึ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ให้คนมาเที่ยวทะเล แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์ สวนนงนุช สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายให้คนไปเที่ยวได้“
จึงอยากฝากกระทรวงศึกษาธิการ ต้องก้าวข้ามเรื่องนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะได้รับงบประมาณเท่าใด อย่าไปยึดติด
ต้องยอมรับว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รับงบประมาณสูง แต่ร้อยละ 95 เป็นงบรายจ่าย เราก็ต้องนำงบประมาณที่ได้รับอย่างจำกัด มาดูแลเด็กนักเรึยนของเราให้มีคุณภาพ โดยวางแผนคิดที่เรื่องสำคัญจะสร้างสรรค์พัฒนาการศึกษาไทย ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น
สิ่งที่อยากฝากผู้บริหารกระทรวง คือ
เรื่องการลดภาระครู นักเรึยน ผู้ปกครองเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง หลายเรื่องดี ๆ อาจนำมาปรับปรุงใช้ได้ เช่น
การสอบเทียบในอดีต ทำอย่างไรให้เด็กที่จะเรียนมัธยมศึกษา 6 ปี สามารถที่จะจบได้ใน 5 ปี จะช่วยให้เด็กได้รับโอกาสจบไวขึ้น ทำงานหางานได้ไวขึ้น ผู้ปกครองมีหนึ้สินน้อยลง รัฐบาลประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ภาคเอกชนเน้นในเรื่อง Skill มากกว่า Degree ดังนั้น ภาคการศึกษาจึงต้องปรับตัวเองให้ตรงกับ Demand Side
เช่นเดียวกัน จะต้องวางแผนการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะ ตามความต้องการจากภารผลิตและบริการ
นอกจากนี้ กระทรวงต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ดัวยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ AI มาใช้ในการศึกษา เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น
เช่น นำครูดีๆ มาใส่ไนแอปพลิเคชัน ที่เด็กทั่วประเทศสามารถเลือกเข้ามาเรียนกับครูที่ดีที่สุดในประเทศไทยได้ ซึ่งจะช่วยให้ครูมีภาระลดลง เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี
ฝากถึงผู้บริหาร อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก คือ
ตัองมี Mindset ที่ดี เปิดใจรับฟังทุกคน อย่าคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด การทำงานไม่วัดกันที่วุฒิอย่างเดียว แต่ต้องวัดที่ทักษะความสามารถ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ก็เฝ้าดูการทำงานของชาวกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
เพราะเป็นกระทรวงหลักที่สำคัญต่อการสร้าง และ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฝากให้ผู้บริหารการศึกษา นำแนวคิดไปปรับใช้ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาต่อไปในอนาคต
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage