สพฐ.เล็งลดชม.เรียน ปรับหลักสูตร
หลังวิจัย ชี้ เด็กไทยเรียนมากที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 25 มิฤนายน ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนใด้เสนอ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รู้ฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อพิจารณาลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงหลักสูตรเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ให้ทันสมัย ตอบโจทย์การศึกษาปัจจุบัน และ งานวิจัยระบุชัดเจนว่า เด็กไทยมีชั่วโมงเรียนมากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา สพฐ. มีการทบทวนเนื้อหาการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ตลอด มีการเพิ่มเติมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเพิ่มเติม แต่ครั้งนี้ทบทวนให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
"หากรู้ฐมนตรีว่าการ ศธ.ลงนามแต่งตั้ง คณะกรรมการทบทวนหลักสูตร อย่างเป็นทางการ ก็จะต้องลงไปดูรายละเอียด ในแต่ละรายวิชาให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ลดตัวชี้วัดที่มีอยู่จำนวนมากให้น้อยลง โดยเฉพาะชั่วโมงเรียนของเด็ก
ซึ่งจากงานวิจัยระบุชัดเจนว่า เด็กไทยมีชั่วโมงเรียนมากที่สุดในโลก โดยปัจจุบันนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 รวมวิชาพื้นฐาน วิชาเพิ่มเติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในปีการศึกษาหนึ่งรวมกันทั้งสิ้น ไม่น้อยกว่า 1,000 ชั่วโมง
ขณะที่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนตัน เรียนไม่น้อยกว่า 1,200 ชั่วโมง และนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายชั้น ม.4-6 เรียนรวมกัน 3 ปี ไม่น้อยกว่า 3,600 ชั่วโมง ดังนั้น ต่อไปอาจจะลดชั่วโมงเรียนให้น้อยลง เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ทั้งนี้ “World Population Review” องค์กรอิสระ ที่ทำการสำรวจสำมะโนประชากรและสถิติประชากรของโลก ได้เผย 10 ประเทศในปี 2023 ที่มีชั่วโมงเรียนเฉลี่ยมากที่สุดในหนึ่งวัน โดยได้อันดับดังนี้
ไทย-เรียน 9.5 ชั่วโมงต่อวัน
กัมพูชา - เรียน 8.75 ชั่วโมงต่อวัน
บังกลาเทศ - เรียน8.5 ชั่วโมงต่อวัน
พม่า - เรียน 8.5 ชั่วโมงต่อวัน
ไต้หวัน - เรียน 8.5 ชั่วโมงต่อวัน
ชิลี - เรียน 8.33 ชั่วโมงต่อวัน
เกาหลีใต้ - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน
กานา - เรียน 8 ชั่วโมงต่อวัน
เนปาล - เรียน 7.75 ชั่วโมงต่อวัน
เคนยา - เรียน 7.5 ชั่วโมง
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวต่อว่า ส่วนจะต้องลดเวลาเรียนเหลือเท่าไรนั้น และยังคงมี 8 กลุ่มสาระตามเดิมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการททวนหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหลักสูตรจากหลายภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องชั่วโมงเรียนเท่านั้น
แต่ยังต้องไปดูว่า การควรจะต้องปรับหรือเปลี่ยนอะไร ให้มีความทันสมัยจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอน ผู้ปกครอง นักเรียน นักวิชาการ สำนักพิมพ์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข ของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. โดยทุกอย่างจะต้องไม่เป็นภาระกับนักเรียนและผู้ปกครอง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage