เสวนากับบรรณาธิการ จันทร์ที่22 กุมภาพันธ์ 2564
ช.พ.ค./ช.พ.ส.กับเงินทอนครูที่ไม่ครบ
จบแบบลอยตัวเหนือคำถาม
วิชเทพ ฦาชาฤทธิ์ : บรรณาธิการ
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีคนระดับผอ.เขตพื้นที่ฯ ออกมาส่งสัญญาณให้บรรดาครูผู้เป็นสมาชิกสวัสดิการว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ช่วยคิด ช่วยติดตาม การดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่บรรดาสมาชิกเต็มใจจ่ายคนละ 1 บาท ให้ครอบครัวเพื่อนสมาชิกที่เสียชีวิตไปในแต่ละเดือนให้ได้รับเงินเต็มจำนวน อันพึงมีพึงได้ตามระเบียบและสิทธิประโยชน์อันชอบธรรม หลังจากจำทนต่อการนิ่งเฉยของสกสค.ไม่อธิบายจำนวนเงินที่ขาดหายไปในแต่ละราย ทับถมทวีคูณมาหลายสิบปี
แม้ว่าเจ้าของหน่วยงานผู้รับไปดำเนินการ คือ สกสค. ได้เพียรพยายามชี้แจงและแสดงตัวเลขให้เห็นทุกเดือน ตามระเบียบว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูฯ ทุกเดือน แต่ดูเหมือนว่า การชี้แจงมีอะไรหลายอย่างยังดูอึมครึม ไม่สะเด็ดน้ำสักครั้ง ขณะที่ครอบครัวครูผู้วายชนม์ก็ไม่ได้ถามหาหรือติดใจถามไถ่อย่างจริงจัง จึงเป็นเรื่องที่คาใจแบบมีก้อนกรวดเล็ก ๆ ติดอยู่ในรองเท้าหรือมีเสี้ยนอะไรบางอย่างคอยทิ่มแทงเล็บทุกครั้งที่ขยับ ในกลุ่มสมาชิกที่ยังมีชีวิตติดตามรักษาผลประโยชน์ให้กับเพื่อนครูไม่ให้หลุดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คำถามชวนคิด ชวนจับตาดูถึงพฤติกรรมของ สกสค.ฝากเป็นการบ้านนี้นอกจาก ไม่เพียงส่งกระจายแพร่หลายไปยังครูที่เป็นสมาชิก ช.พ.ค.ทั่วประเทศแล้ว ยังส่งมาถึง สำนักข่าวการศึกษา Edunewssiam ในเชิงให้ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่ง โดยยกตัวเลข ปี 2561 ใน 1 เดือน มาประกอบให้เห็นที่ว่า การหักเงินค่าสมาชิก ช.พ.ค. ที่ชำระและการจ่ายเงินค่าสงเคราะห์ที่ต้องจ่ายให้ครอบครัวครูที่เป็นสมาชิกถึงแก่กรรม ในแต่ละงวดนั้น มีมิติสัมพันธ์กับตัวเลขชวนเป็นปริศนาน่าฉงนจนต้องถามหาคำตอบ ในทุกตัวเลขที่หายไป
ยกข้อมูลตัวเลข ปี 2561 ช.พ.ค.มีสมาชิก 943,050 คน หากมีครูเสียชีวิตในเดือนนั้น 582 คน ครูที่เป็นสมาชิกทั้งประเทศจำนวนดังกล่าว ต้องถูกหักเงิน ณ ที่จ่าย ศพละ 1 บาท คือ ถูกหักในสลิปเงินเดือน 582 บาท ตามระเบียบช่วยเหลือเจือจุนด้วยความเต็มใจยิ่ง
ฉะนั้น เมื่อเอาจำนวนครูเป็นสมาชิก 943,050 คน จ่ายคนละ 1 บาท คูณด้วยจำนวนครูที่เสียชีวิต 582 เข้าไป ยอดรวมที่ สก.ศค.ควรต้องจ่ายให้แก่ครูที่เสียชีวิตเฉพาะเดือนนั้นรวมทั้งหมด 548,855,100 บาท อ่านว่า "ห้าร้อยสี่สิบแปดล้านห้าหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยบาทถ้วน" ตามระเบียบ ชพค.ช่วยเพื่อนครู (ที่เสียชีวิต)
ทั้ง ๆที่ สกสค.ได้รับเงินจากสมาชิกครูทั้งหมดได้เงินถึง 548,855,100 บาท (ห้าร้อยสี่สิบแปดล้านแปดแสนห้าหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยบาทถ้วน) แต่ เหตุใด สกศค.จึงจ่ายให้แก่ทายาทครูหรือครอบครัวคุณครูผู้วายชนม์ทั้ง 582 คนรวมทั้งสิ้นเพียง 526,900,896 บาท(ห้าร้อยยี่สิบหกล้านเก้าแสนแปดร้อยเก้าสิบหกบาท) เท่านั้น
เท่ากับว่า จะมีเงินคงเหลือไว้ที่ สกสค.อีกประมาณ 21,954,204 บาท (อ่านว่า..ยี่สิบเอ็ดล้านเก้าแสนห้าหมื่นฯ) เป็นตัวเลขกลมๆ ที่ทอนไว้ เดือนละ 22 ล้านต่อครั้งแล้วกัน
1 ปี เท่ากับ ช.พ.ค.ในหน่วยงาน สกสค. จะมีเงินคงเหลือเหนาะ ๆ ปีละ 264 ล้านบาท (สองร้อยหกสิบสี่ล้านบาท)
ผ่านไป 10 ปี จะมีเงิน ช.พ.ค.อยู่กับ สกสค.ถึง 2,640 ล้านบาท (สองพันหกร้อยสี่สิบล้านบาทถ้วน)
ประเด็นต่อมา ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกศค.) ยังเปิดรับในกรณีคู่สมรสอายุเกิน 35 ปี ซึ่งไม่เคยเป็นสมาชิกมาก่อนเข้ามาเป็นสมาชิก โดยมีชื่อย่อว่า ช.พ.ส. หากถึงแก่กรรม มีระเบียบการดำเนินการเช่นเดียวกับ ช.พ.ค.ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าจัดการศพ จำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และเงินสงเคราะห์ครอบครัวอีก ประมาณ 270,000 บาท (สองแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) รวมแล้ว คือ 370,000 บาท (สามแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
จากข้อมูล 25 ธันวาคม 2563 สมาชิก ช.พ.ส.มีจำนวน 395,260 คน และในเดือนนี้ เสียชีวิต 329 คน
หากคิดในเกณฑ์เดียวกับ ช.พ.ค. เท่ากับว่า สมาชิก ช.พ.ส.ซึ่งมีจำนวน 395,260 คน สมาชิกต้องจ่ายคนละ 329 บาท ซึ่งเท่ากับ สกสค.ได้เม็ดเงินเต็มแม็กไป 130,067,847 บาท (หนึ่งร้อยสามสิบล้านหกหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยสี่สิบเจ็ดบาทถ้วน) ที่ควรนำไปจ่ายให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 329 คน เฉลี่ยแล้วควรจะได้ครอบครัวละ 395,343 บาท โดยประมาณ
แต่ปรากฏว่า ในประกาศ ช.พ.ส. ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2563 ลงนามโดย นายกฤตชัย อรุณรัตน์ รองเลขาธิการสกสค.ปฏิบัติการแทน เลขาธิการคณะกรรมการ สกศค. ประธานกรรมการ ช.พ.ส.เรื่องสมาชิกถึงแก่ความตาย งวดที่ 1/2564 ได้รับแจ้งระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ถึง วันที่ 20 ธันวาคม 2563 แจ้งรายชื่อสมาชิก ช.พ.ส. ที่ถึงแก่ความตาย จำนวน 329 คน
กลับได้รับเงินค่าจัดการศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัวเป็นเงิน ครอบครัวละ 379,530 บาท (สามแสนเจ็ดหมื่นเก้าพันห้าร้อยสามสิบบาทถ้วน)
นั่นหมายถึง จำนวนเงินสมาชิก ช.พ.ส.ที่ตายไป จะขาดหายครอบครัวละ 15,813 บาท เมื่อรวมทั้ง 329 ครอบครัว คิดแล้ว สกสค.ขยักไว้เป็นเงินรวมแล้วประมาณ 5,202,477 ล้านบาท / เดือน เมื่อคูณ 12 เดือน จะตกปีละ 62,429,724 ล้านบาท (หกสิบสองล้านสี่แสนสองหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยยี่สิบสี่บาทถ้วน) ที่ สกสค.เอาไปไว้
เมื่อเอายอดเงินที่หายไปจากแต่ละครอบครัวสมาชิก ช.พ.ค. ปีละประมาณ 264 ล้านบาท (สองร้อยหกสิบสี่ล้านบาท) และ ยอดเงินที่หายไปจากสมาชิก ช.พ.ส. อีกปีละประมาณ 62,429,724 ล้านบาท (หกสิบสองล้านสี่แสนสองหมื่นกว่าบาท) มารวมกันแล้ว คิดเอาเองก็แล้วกันว่า อีก 4 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า จะทวีขึ้นเท่าไร
จึงมีคำถามมาถึง สกสค.ว่า "เงินทอนครู" ก้อนใหญ่ที่หายไปนี้อยู่กับใคร ที่ไหน อย่างไร หากใคร เอาไปทำอะไรบ้างอันเป็นประโยชน์ต่อมวลครู ก็ว่ามาให้ชัดไม่ขัดต่อกฎหมายและมีความเป็นไปได้ ก็น่าจะรับฟัง มิใช่ททำเป็นแค่เพียง นายหน้า คนกลาง หากินกับครู อยู่เลย
แต่หากมีการตอดเล็กตอดน้อยเอาเงินทอนก้อนนี้ไปเข้าพกเข้าห่อแบบ แม้จะยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันวันนี้ คงต้องตามล้าง..ตามเช็ด..เอาให้เข็ด คือ ติดคุก..ชดใช้เหมือนๆ กับพระชั้นพรหมฯ และ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของ พศ.รวมทั้งอดีตปลัดกระทรวง พม. ที่สร้างความอับอายขายหน้า.. ต้องดื่มไวน์ใส่ยาพิษตาย เพราะไปกิน "เงินทอนผู้ยากไร้"
หากนำเงินทอน ช.พ.ค., ช.พ.ส. ก้อนใหญ่นี้ไปทำประโยชน์ ให้ออกดอกออกผล เอามาทำโครงการดีๆ ช่วยคุณครูที่เป็นสมาชิกผู้เป็นหนี้บ้างได้ไหม ? เนื่องจากเป็นเงินของเขา! และที่บอกว่า.. ครูเป็นอาชีพที่มีหนี้สินมากที่สุด "เงินทอน" ก้อนนี้ พอที่จะช่วยได้แน่นอน และนามของคณะกรรมการสกศค.จะได้รับการกล่าวขานถึงเกียรติยศ ในวงการครูตลอดกาล สมกับสโลแกนที่ตั้งไว้ ว่า “โปร่งใส ทันสมัย ใส่ใจบริการ”
EunewsSiam : เสวนากับบรรณาธิการ
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)
